เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม บริเวณเต็นท์กองอำนวยการร่วมกรุงเทพมหานคร พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่1 ในฐานะรองผู้อำนวยการ กอร.รส. กล่าวหลังการประชุมนานประมาณ 2 ชั่วโมงว่า หลังจากสำนักพระราชวัง จัดให้หน่วยราชการทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นคณะเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระบรมศพนั้น ในวันที่ 10 ธันวาคม เวลา 19.00 น.คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ร่วมกับคณะรัฐมนตรี( ครม.)เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ จากนั้นวันที่ 11 ธันวาคม เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามลำดับ ส่วนการเข้ากราบพระบรมศพของประชาชนนั้นยังสามารถเข้าได้ตามปกติจะสลับกันขึ้นไปกราบพระบรมศพ นอกจากนี้ในวันที่ 10 ธันวาคม สภากาชาดไทย นำรถมาจอดขอรับบริจาคโลหิต ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หากประชาชน หรือจิตอาสาสนใจสามารถมาบริจาคเพื่อเก็บไว้ในธนาคารเลือดสำรองไว้ช่วยเหลือประชาชน
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับวันที่ 12 ธันวาคม จะมีกลุ่มชาติพันธุ์ 41 ชนเผ่ากว่า 5,000 คนทั่วประเทศ จะรวมตัวกันที่สนามม้านางเลิ้ง ก่อนจะเคลื่อนขบวนโดยรถโดยสารที่เปิดบริการฟรีในเวลา 06.00 น.มาทำพิธีกรรมที่สวนสราญรมย์ จากนั้นจะเข้าคิวกราบพระบรมศพ
ด้านนายยุทธพันธ์ มีชัย เลขานุการผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กทม.กำหนดเส้นทางรถพยาบาลสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉินไว้ 2 จุด คือ บริเวณหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เป็นเต็นท์ของแพทย์ของกองทัพบก ส่วนอีกจุดเยื้องบริเวณหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม เป็นเต็นท์หน่วยแพทย์พระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จึงขอความร่วมมือโดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อย่านำรถไปจอดกีดขวางเส้นทางดังกล่าวที่กทม.ได้ตีเส้นไว้เป็นเส้นทางฉุกเฉิน นอกจากนี้กทม.ได้ติดตั้งถังดับเพลิงเพิ่มที่เต็นท์สนามและเต็นท์ประกอบเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้เพื่อสุขอนามัยทุกวันจันทร์จะทำความสะอาดครั้งใหญ่เต็นท์ประกอบเลี้ยงโรงครัวทั้งหมด ตั้งแต่เวลา 22.00 น.เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ทุกวันเวลา 08.00 น.จะเดินพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบเลี้ยงเพื่อรับทราบปัญหาต่างและหาทางออกร่วมกัน
ด้าน พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 กล่าวว่า อยากขอร่วมมือประชาชนที่เหมารถยนต์เดินทางมาเป็นหมู่คณะ เมื่อเดินทางกลับขอให้มายืนรอรถเพื่อมารับไม่ต้องให้รถมารอคนเนื่องจากจะสร้างปัญหาการจราจรเหมือนช่วงที่ผ่านมา
