“ปริญญา” ยก “ในหลวง ร.9” ทรงเข้าใจบทบาทการเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดเสวนา หัวข้อ “ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับระบอบประชาธิปไตย” เนื่องในวันรัฐธรรมนูญและวันธรรมศาสตร์ ซึ่งมีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และนางนววรรณ วุฒฑะกุล อาจารย์โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วม
โดยนายปริญญา กล่าวตอนหนึ่งว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เข้ามาช่วยคลี่คลายความขัดแย้งเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยหลายเหตุการณ์ เช่น 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 พฤษภาทมิฬ พ.ศ.2535 ทั้งสองเหตุการณ์เป็นโมเดลในการขอพระราชทาน ตามมาตรา 7 คือ การขอพระราชทานนายกฯ จากนั้นในปี พ.ศ.2549 ได้มีการขอพระราชทานนายกฯ อีกครั้ง แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ พร้อมมีพระราชดำรัสว่า “ที่ผ่านมามีการแต่งตั้งนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ไม่ได้ทำเกินอำนาจพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ทรงโปรดเกล้าฯ ตามที่มีคนเสนอขึ้นไป ซึ่งพระองค์ไม่ได้ทำเกินหน้าที่ หากทำเกินหน้าที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่สะท้อนความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยในพระองค์ท่าน ซึ่งมีมากกว่าพวกเรา และในปี พ.ศ.2557 กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ คนเสื้อแดงก็มีการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นขอนายกฯ พระราชทานเช่นกัน”
นายปริญญา กล่าวอีกว่า มาตรา 7 เดิมอยู่ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ก่อนที่จะนำมาใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ปี 40 และ ปี 50 ไม่มีการบัญญัติไว้ และที่ผ่านมารัชกาลที่ 9 ปฏิเสธที่จะทำตาม แต่รัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ได้บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 5 อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระบรมราโชวาทให้ระมัดระวังเสรีภาพไม่ให้ละเมิดและกระทบสวัสดิภาพของผู้อื่น เราอาจจะขัดแย้งกันได้แต่ขอให้อยู่ในกติกา ขอเพียงเราทำตามในระบอบประชาธิปไตย แล้วจะประสบความสำเร็จ
“ที่ผ่านมาพี่น้องทะเลาะกันแล้วสู้ไม่ได้ไปเรียกให้พ่อมาแก้ไขความขัดแย้ง แต่วันนี้พ่อไม่อยู่แล้ว เรายังทะเลาะกันอยู่ เราต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองให้ได้ ระบอบประชาธิปไตยจะสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะระบอบประชาธิปไตยของไทยคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นายปริญญา กล่าว
