‘วิลาศ’ ชี้จุดบอดร่างพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง เอื้อโกงคล่องตัว ขอสนช.เขียนให้ชัดเจน

(แฟ้มภาพ) นายวิลาศ จันทรพิทักษ์

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของรัฐ ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่ามีหลายเรื่องที่ตนไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะการยกเว้นให้กับรัฐวิสาหกิจเพื่อให้มีการทบทวนเรื่องดังกล่าว เนื่องจาก สนช.เคยทำกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ร่าง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ที่ออกมาแทนระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการพัสดุปี 2535 นั้น แม้มีแนวโน้มจะดี แต่กลับมีปัญหาในหลายส่วนคือ ในมาตรา 6 วรรคสอง ที่ระบุว่าเพื่อให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเกิดความยืดหยุ่นและมีความคล่องตัว หากรัฐวิสาหกิจใดประสงค์จะจัดให้มีระเบียบ หรือข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุขึ้นใช้เอง ก็ให้กระทำได้ โดยต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุตามแนวทางของ พ.ร.บ.นี้ ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้ เพราะเป็นการยกเว้นให้รัฐวิสาหกิจกับมหาวิทยาลัยของรัฐออกระเบียบของตนเองได้ แทนที่จะให้อยู่ภายใต้กฎหมายฉบับนี้เหมือนหน่วยงานอื่นๆ

“ที่อ้างว่าเพื่อความคล่องตัวและความยืดหยุ่น ไม่ใช่เหตุผล เพราะผมไม่มั่นใจว่าเพื่อให้งานคล่องตัวหรือโกงคล่องตัว จึงเห็นว่าไม่ควรอย่างยิ่งที่จะยกเว้น และยิ่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา นายกฯไปเปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล ก็พูดว่าคนที่ทุจริตให้แจ้งมา จะเอาเข้าคุก ผมก็เรียนนายกฯว่าถ้าตรวจที่การประปาส่วนภูมิภาคเมื่อไหร่อาจต้องสร้างคุกสำหรับการประปาส่วนภูมิภาคไว้ใช้กับผู้บริหารการประปาฯและพวก จึงอยากให้ทำการประปาส่วนภูมิภาคโมเดลมาเป็นตัวอย่างในการจัดการปัญหาทุจริต ผมคิดว่าถ้าไปเอาเรื่องทุจริตในหน่วยงานนี้มาเป็นตัวอย่างในการเขียนกฎหมายก็จะได้กฎหมายที่สมบูรณ์ที่สุด” นายวิลาศกล่าว

นายวิลาศกล่าวต่อว่า ยังมีปัญหาในมาตรา 7 ที่กำหนดว่าไม่ให้ใช้บังคับกับการจัดซื้อจัดจ้างของสถาบันอุดมศึกษา หรือสถานพยาบาลที่เป็นหน่วยงานของรัฐในส่วนของเงินบริจาค ตนถามว่าถ้าเงินบริจาคเข้าไปอยู่ใน พ.ร.บ.นี้จะเสียหายตรงไหน เงินบริจาคไม่มีโกงอย่างนั้นหรือ ถ้าจะยกเว้นก็น่าจะเป็นการบริจาคสิ่งของ แต่ถ้าให้เป็นเงินจะต้องอยู่ในร่างกฎหมายนี้ นอกจากนี้ยังมีมาตรา 15 ที่เขียนว่า เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ ตนขอถามว่าให้สังเกตการณ์เฉยๆ แล้วจะได้อะไร ควรต้องเติมคำว่าขอเอกสารและมีการลงโทษได้หากไม่ให้ความร่วมมือ รวมถึงควรมีการแก้ไขในประเด็นที่มีการตั้งคณะกรรมการถึง 5 คณะ คือ คณะกรรมการนโยบายจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ, คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ, คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ, คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และการร้องเรียน ซึ่งมีรัฐมนตรีเป็นประธาน 1 คณะ ปลัดกระทรวงเป็นประธาน 3 คณะ และกรรมการหนึ่งคณะ และอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นกรรมการถึง 5 คณะ

“ผมกังวลว่าสุดท้ายแล้วกรรมการจะตีกันเอง เพราะหน้าที่ซ้ำซ้อน จึงเสนอให้ยุบเหลือแค่ 2 หรือ 3 คณะก็พอ และเห็นว่าร่างกฎหมายยังขาดไปคือ ควรเขียนให้ประชาชนมีสิทธิขอรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง และมีบทลงโทษในกรณีที่ผู้เกี่ยวข้องประวิงเวลาหรือให้เอกสารไม่ครบภายในระยะเวลาที่กำหนด แทนที่จะไปใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นคือมักจะไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐในการตรวจสอบ ทั้งนี้ มีสิ่งที่ไม่ได้พูดถึงเลยในร่างกฎหมายนี้ คือเรื่องการยื่นหนังสือค้ำประกันผลงานที่เปิดช่องให้เกิดการหากิน เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการยื่นเงินสดเมื่อไม่ได้งานกลับไม่ได้เงินคืน จึงควรเขียนให้ชัดเจนว่าจะต้องคืนเงินหลักประกันให้กับบริษัทเอกชนด้วย” นายวิลาศกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image