วันนี้ (12 ธันวาคม) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กรำลึกการทำงานของเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ระบุว่า
เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2544 ณ ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา โดยมีดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นมาเป็นประธานในการสถาปนาองค์กร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลในขณะนั้น
แม้ ดร.ทักษิณจะมาร่วมสนับสนุนก่อตั้ง คปต. แต่ ดร.ทักษิณก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ ที่จะไม่ถูกตรวจสอบจาก คปต. เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามายัง คปต. ดร.ทักษิณก็ถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เมื่อได้ความชัดเจนแล้ว คปต.ได้ยื่นเรื่องการกระทำความผิดของ ดร.ทักษิณไปยังหลายหน่วยงาน ในที่สุดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาให้จำคุก ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเวลา 2 ปี (ในคดีกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. มาตรา 100 (2)) การทำหน้าที่ของ คปต.ในการช่วยเหลือราชการต้านภัยคอร์รัปชั่น พบว่าเรื่องร้องเรียนกว่า 90% ได้รับข้อมูลหรือหลักฐานมาจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่พบเห็นการทุจริตของผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงานมักจะไม่สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนให้มีการตรวจสอบอย่างถูกต้องชอบธรรมตรงไปตรงมาได้ (เขาจะถูกขบวนการทุจริตในหน่วยงานนั้นกลั่นแกล้ง ข่มขู่ คุกคาม ให้ได้รับอันตรายในชีวิตและทรัพย์สินเสียก่อน)
ดังนั้น คปต.จึงเป็นองค์กรภาคประชาชนที่เข้ามาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐเหล่านี้ ในการนำคดีทุจริตต่างๆ เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามกฎหมาย โดย คปต.จะทำแทนให้ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ของรัฐที่นำเรื่องมาร้องเรียนต่อ คปต.จะได้รับความปลอดภัย และไม่ต้องได้รับผลกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการแต่อย่างใด ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกือบทุกกรม จากทุกกระทรวง ไม่เว้นทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เองที่มีการนำเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต ทำผิดกฎหมายของหน่วยงานมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ คปต. เรื่องร้องเรียนที่ยื่นต่อ คปต.ต้องเป็นเรื่องการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นหลัก โดยทุกเรื่อง คปต.จะทำการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ตัวอย่างที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือกรณีของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษยกเว้นไม่ต้องถูกตรวจสอบ แม้จะเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง คปต.เองก็ตาม
กรณีที่รัฐบาลทหาร คสช.ถูกยื่นเรื่องการทุจริตให้ คปต.ตรวจสอบ ข้อมูลก็มาจากนายทหารบางคนที่พบเห็นการทุจริตในหน่วยงานส่งมาให้ (เช่น กรณีเชื่อว่ามีการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เป็นต้น) รัฐบาล คสช.มีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดกล้าไปกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายโดยไม่มีมูลความจริงแน่นอน แต่ถ้าคุณเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต ทำผิดกฎหมายเสียเอง ก็ต้องยอมรับการตรวจสอบอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา อย่ามาอ้างอภิสิทธิ์ใดๆ ที่จะไม่ถูกตรวจสอบ คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณควรระวังและตรวจสอบคนใกล้ตัวคุณให้ดี เพราะจะนำความเดือดร้อนมาให้ ขอเตือนด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ “ไม่มีผู้ใดสามารถทำความชั่วทำความผิดแทนเราและเอาความชั่วความผิดนั้นมาใส่ให้เราได้ นอกจากเราทำด้วยตัวเราเอง (ทำความผิดเสียเอง)”
