“ปู” ขึ้นศาลสืบพยานข้าวฝ่ายจำเลยนัด 9 ชี้ การยื่นคัดค้านคำสั่งทางปกครอง ยังอยู่ในกำหนดเวลา พร้อมระบุ ปมไม่เข้าร่วมถกกรธ.ไม่ใช่ว่าพรรคพท.จะขยายความขัดแย้งแต่มองเรื่องการมีส่วนร่วมมากกว่าการแค่เข้าไปรับฟัง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ธันวาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมทีมทนาย เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 9 ในคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรค นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน เป็นต้น ร่วมให้กำลังใจ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าศาลถึงการยื่นคัดค้านคำสั่งทางปกครอง กรณีการชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวต่อศาลปกครองว่า ยังอยู่ในกำหนดเวลา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะใช้สิทธิตามกรอบของกฎหมาย ขณะที่ทางทีมทนายความ อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ หากเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่ กรธ.เปิดรับฟังความคิดเห็น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองจากพรรคการเมืองต่างๆ ในวันนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในหลักการเบื้องต้นทางพรรคยินดีให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอยู่แล้ว โดยเฉพาะอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่ทางพรรคพท.ไม่อยากแค่ส่งตัวแทนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง เพียงเพื่อแค่ยอมรับในข้อกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติต่างๆ ซึ่งมองว่าไม่ถูกต้อง ทางพรรคอยากให้ กรธ.เปิดกว้างทั้งเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมรับรู้เนื้อหา รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญมากกว่านี้จะดีกว่า เพราะเป็นกติกาที่เราต้องใช้และเป็นอนาคตของประเทศ ดังนั้นประชาชนควรได้รับฟังและมีส่วนร่วม ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าพรรคพท.จะขยายความขัดแย้งหรือไม่ให้ความร่วมมือ แต่เรามองเรื่องการมีส่วนร่วมมากกว่าการแค่เข้าไปรับฟัง กรธ.
เมื่อถามถึงเรื่องการลงสมัครรับเลือกตั้งหลังจากพรรคพท.แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีจุดยืนเห็นต่าง แต่ก็เป็นหน้าที่ของนักการเมืองที่ต้องแสดงเจตนารมณ์ แสดงความคิดเห็นถึงข้อดีข้อเสียแต่ละมุมมองให้กับประชาชน ดังนั้นการตัดสินใจต่างๆ ขึ้นกับประชาชน นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมทางพรรคต้องพูด ทำไมทุกคนต้องแสดงความคิดเห็น นี่คือเสน่ห์ที่เกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย
ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวว่า ทางกรธ.มีหนังสือมาเป็นลักษณะจดหมายข่าว แจ้งให้กับประชาชนและผู้สนใจที่อยากเข้าร่วมรับฟังสัมมนา โดย กรธ.ใช้เวลา 3 ชั่วโมง แต่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองซักถามเพียงครึ่งชั่วโมง ทางพรรคดูแล้วคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม เข้าร่วมไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเจตนาของ กรธ.ไม่ได้ต้องการรับฟังพรรคการเมือง แต่เหมือนให้พรรคการเมืองไปฟัง กรธ.ชี้แจงมากกว่า
เมื่อถามว่า พรรคพท. จะส่งเป็นเอกสารชี้แจงให้กับ กรธ.หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแกนนำพรรคหลายคนได้แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่อร่างดังกล้าวโดยกว้างขวางไปบ้างแล้ว สุดแล้วแต่ กรธ. จะหยิบยกหรือรับฟังมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม จุดยืนของพรรคเพื่อไทยชัดเจนว่าเราไม่ได้ต้องการสร้างความขัดแย้ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการเมืองขณะนี้คือการยินยอมรับฟังความเห็นของกันและกัน
00
