รวมพลังสกัดกั้น “อุบัติเหตุ”ปีใหม่ 2560

อุบัติเหตุบนท้องถนนช่วงปีใหม่ กลายเป็นภาพพบเห็นเป็นประจำ แม้ไม่อยากพบเห็นก็ตาม…

ด้วยเหตุนี้ ก่อนเข้าเทศกาลปีใหม่ทุกปี หลายหน่วยงานทั้งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะต้องออกมาเตือนภัย นั่นเพราะตัวเลขผู้ประสบภัยและผู้เสียชีวิตช่วงเทศกาลยังคงมีมากอย่างไม่ลดละ

ล่าสุด สธ.ได้จับมือกับ สสส. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ร่วมแถลงข่าว “กลับบ้านปลอดภัย ใส่ใจเพื่อนร่วมทาง ปีใหม่ 2560”

นพ.ธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ สธ.ให้ข้อมูลว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 แนวโน้มการเสียชีวิตและความรุนแรงเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 พบผู้เสียชีวิต 380 คน เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุสูงถึงร้อยละ 56 สาเหตุหลักมาจากการขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด มีการดื่มแล้วขับ โดยเฉพาะในวันที่ 31 ธันวาคม และ 1 มกราคม ที่มีการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ อุบัติเหตุจากสาเหตุดื่มแล้วขับจะสูงถึงร้อยละ 40 ความเสี่ยงสำคัญที่ทำให้การบาดเจ็บรุนแรงมากขึ้นคือ การง่วง/หลับใน เพราะไม่มีการชะลอความเร็ว พบร้อยละ 7.3 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดบนถนนในองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และหมู่บ้าน ผู้บาดเจ็บเป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน มีการดื่มสุราก่อนการขับขี่

Advertisement

อย่างไรก็ตาม เพื่อการเตรียมความพร้อม สธ.ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นจุดประสานงานและติดตามข้อมูลช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งความพร้อมในการจัดระบบบริการและการป้องกันการบาดเจ็บ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยประสานความร่วมมือโรงพยาบาลในสังกัดอื่นๆ เช่น กระทรวงกลาโหม ทบวงมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศกว่า 1,500 แห่ง เตรียมพร้อมหน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน ศูนย์รับแจ้งเหตุ ระบบการดูแลรักษาในโรงพยาบาล และการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล ประชาชนแจ้งขอความช่วยเหลือที่สายด่วน 1669 ฟรี ตลอด 24 ชม.

“ขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง ควรเผื่อเวลาเดินทางเพื่อไม่ต้องเร่งรีบจากปัญหารถติด ซึ่งใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติถึง 2 เท่า ปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ขับรถเร็ว ไม่ดื่มก่อน/ขณะขับขี่ รวมทั้งใช้อุปกรณ์ป้องกัน สวมหมวกกันน็อก คาดเข็มขัดนิรภัย และขอให้ใส่ใจผู้ร่วมทาง

และเมื่อพบเห็นอุบัติเหตุ ควรโทรแจ้ง 1669 ซึ่งรถฉุกเฉินทางการแพทย์จะถึงที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือภายใน 8-10 นาที ในรัศมี 10 กิโลเมตร” นพ.ธวัชกล่าว

Advertisement

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ.กล่าวว่า ได้กำชับให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ดำเนิน 3 มาตรการหลัก ดังนี้ 1.ด้านระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ให้โรงพยาบาลทุกแห่งเตรียมพร้อมศูนย์สื่อสารรับแจ้งเหตุ หน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทุกระดับ ขณะนี้มีรถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมเครื่องมือแพทย์ 4,915 คัน ถึงที่เกิดเหตุภายใน 10 นาทีหลังรับแจ้ง รวมทั้งให้จัดหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินประจำบนเส้นทางถนนสายหลัก ที่มีจุดตรวจ/จุดบริการ อยู่ห่างกันมาก เพื่อให้การช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บให้รอดชีวิตและปลอดภัยมากที่สุด

2.ด้านการรักษาพยาบาล ได้เตรียมบุคลากรกว่า 100,000 คน อาทิ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สนับสนุนประจำห้องฉุกเฉินและหอผู้ป่วย ศัลยแพทย์ทุกสาขาประมาณ 1,500 คน พร้อมบริการตลอด 24 ชม. สำรองคลังเลือดทุกหมู่ อุปกรณ์ เวชภัณฑ์ยา และสำรองเตียงเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 มีศูนย์ประสานการส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการหนักมากกว่า 90 แห่ง และประสานความร่วมมือกับเครือข่ายเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ชั้นสูง เช่น เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และเครื่องตรวจอวัยวะด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อช่วยให้แพทย์ตรวจวินิจฉัย ค้นหาความผิดปกติและรักษาได้รวดเร็วที่สุด และ 3.ด้านการป้องกัน มอบให้เจ้าหน้าที่และ อสม.ร่วมตั้งด่านชุมชนในพื้นที่สกัดกั้นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กขับขี่รถจักรยานยนต์ คนที่ดื่มแล้วขับ ไม่ให้ออกจากหมู่บ้าน/ชุมชน พร้อมตรวจเตือน/ประชาสัมพันธ์ และบังคับใช้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง พ.ศ.2555 อย่างเคร่งครัด

201612231455593-20050719124019

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส.บอกว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ได้จัดแคมเปญรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนภายใต้ชื่อ “กลับบ้านปลอดภัย” พัฒนาคลิปวิดีโอเน้นรณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์ ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงของผู้สูญเสียคนที่รักจากอุบัติเหตุทางถนน โดยเปลี่ยนความโศกเศร้ามาเป็น “พลัง” ส่งต่อความห่วงใยไปยังคนรอบข้าง ในเรื่องการขับขี่ปลอดภัย ช่วยเหลือชีวิตผู้อื่นให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน ด้วยการส่งข้อความ ความห่วงใยผ่านโลกโซเชียล เพื่อร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกและทัศนคติการขับขี่ปลอดภัย

“ปัญหาการดื่มแล้วขับ ขับเร็ว ยังเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 มีถึง 73 ครอบครัวที่สูญเสียคนที่รักจากคนที่ดื่มแล้วขับ มีคนเดินถนนถูกชนเสียชีวิต 34 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 9 ของผู้เสียชีวิตในเทศกาลปีใหม่ ซึ่งหากขับรถชนคนเดินถนนด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. ผู้ถูกชนมีโอกาสเสียชีวิตถึงร้อยละ 85 รวมถึงการใช้สมาร์ทโฟนขณะขับขี่ ถ้าขับรถด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. เพียงละสายตามองหน้าจอมือถือ 2 วินาที หากเกิดการชนจะมีแรงปะทะเทียบเท่าการตกตึก 13 ชั้น ความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้ จึงขอให้ผู้เดินทางหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ เพื่อร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้เกิดขึ้นในสังคมไทย” ดร.สุปรีดากล่าว

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มีการบังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ต้องห้าม คือ สถานที่ราชการ ปั๊มน้ำมัน สวนสาธารณะ รวมทั้งการขายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จัดทีมเจ้าหน้าที่ให้สุ่มตรวจการกระทำผิดกฎหมาย มีทีมจากสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกตรวจเตือนสถานประกอบการ ร้านค้าตลอดช่วงเทศกาล

ขณะที่ นพ.สุเทพ วัชรปิยานันทน์ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำสมุนไพรคลายง่วงยามขับขี่ ว่า ผลการศึกษาพบว่า “ยาหอมอินทรจักร์” ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสดชื่น ตื่นตัว คลายจากอาการง่วงนอน หรือใช้ลูกอมสมุนไพรที่มีรสเปรี้ยว เช่น รสบ๊วย รสมะนาว หรือผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะม่วง ส้มเขียวหวาน อีกทั้งสามารถใช้การกดจุดบริเวณใบหน้าคลายง่วงด้วยตัวเองตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน 5 จุด คือ บริเวณร่องระหว่างจมูกกับปาก ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง จุดระหว่างคิ้ว จุดห่างจากหางตา 2 ซม.กับหางคิ้ว จุดบริเวณท้ายทอย และจุดกึ่งกลางระหว่างหัวไหล่ โดยกดแรงพอทนได้ ค้างไว้ 30 วินาที แล้วคลายออก ประมาณ 5-10 รอบ/จุด แต่ในหญิงตั้งครรภ์ห้ามกดจุดกึ่งกลางระหว่างหัวไหล่ จะทำให้มดลูกบีบรัดตัว อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์

ส่วนยาสมุนไพรที่ควรมีติดตัวติดรถ ได้แก่ ยาขมิ้นชัน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แก้ท้องเสีย ยารางจืด ถอนพิษไข้ แก้แพ้อาหาร และแพ้แมลงสัตว์กัดต่อย ยาดมสมุนไพร แก้วิงเวียนศีรษะ ยาหม่อง ยานวด หรือน้ำมันนวด บรรเทาอาการปวดเมื่อย และคาลาไมน์พญายอ แก้ผดผื่นคัน ผื่นแพ้ผิวหนัง เป็นต้น

ทั้งหมดก็เพื่อสกัดอุบัติเหตุปีใหม่นั่นเอง!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image