รวบแฮกเกอร์วัย 19 เจาะเว็บตร.โยง ‘พลเมืองต่อต้าน ซิงเกิล เกทเวย์’ เอาผิด 4 กฎหมาย

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.แถลงกรณีมีกลุ่ม”พลเมืองต่อต้าน ซิงเกิล เกทเวย์” ใช้สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลส่งเสริม ชักจูง สั่งการให้ผู้ติดตาม หรือแนวร่วมกระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ส่งผลกระทบต่อระบบและเว็บไซต์หน่วยงานราชการ โดยเมื่อ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา เพจเฟชบุ๊คดังกล่าวได้เผยแพร่ข้อมูลจากการเข้าถึงระบบฐานข้อมูลสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)โดยมิชอบ ต่อมามีการจับกุมตัวคนร้ายที่กระทำความผิด แล้วมอบให้พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการสนับสนุนทางเทคโนโลยี เป็นผู้แทนร้องทุกข์กล่าโทษนั้น ว่าคนร้ายที่มีการจับกุมในคดีดังกล่าวมีรายละเอียดความผิดดังนี้ 1. ผู้ต้องหา ชื่อ นายณัฐดนัย คงดี อายุ 19 ปี ได้ทำการเข้าถึงระบบฐานข้อมูลการสืบสวนสอบสวน ตร. ซึ่งผ่านมาตรการป้องกันซึ่งมิได้มีไว้สำหรับตน 2.นายณัฐดนัยทำการบันทึกภาพรายละเอียดขั้นตอนการกระทำผิดของตน แล้วส่งต่อไปให้ผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊ค ชื่อ “พลเมืองต่อต้าน ซิงเกิล เกทเวย์” เพื่อนำไปเผยแพร่ในเฟชบุ๊คดังกล่าว 3.นายณัฐดนัย เป็นสมาชิกกลุ่มเฟชบุ๊คที่มีพฤติกรรมแฮกเกอร์ จำนวน 3 กลุ่ม และเป็นสมาชิกกลุ่มไลน์เกี่ยวกับแฮกเกอร์ รวมทั้งเป็นผู้ติดตามเพจเฟชบุ๊ค”พลเมืองต่อต้าน ซิงเกิล เกทเวย์”

4.จากการสืบสวน และตรวจสอบเฟชบุ๊คที่มีนายณัฐดนัยเป็นสมาชิกนั้น พบว่าบุคคลที่เป็นผู้ดูแล(แอดมิน) และผู้ควบคุม ของกลุ่มเฟชบุ๊คดังกล่าวมีพฤติกรรมในการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิด จึงได้ตรวจสอบ และพิสูจน์ทราบบุคคล เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 5.มีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่าบ้านที่นายณัฐดนัยพักอาศัย อยู่ที่เขตคลองสามวา มีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย จึงเข้าตรวจค้น พบสิ่งที่เกี่ยวขอ้งกับการกระทำความผิดหลายรายการ เช่น ปืนพกสั้น ปืนยาว เครื่องกระสุน กัญชา 3 แท่ง และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 6.ผลการตรวจพิสูจน์คอมพิวเตอร์ของนายณัฐดนัยพบว่ามีการใช้เครื่องในการเข้าถึงระบบฐานข้อมูลสืบสวนสอบสวนของตร.จริง

2
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิด อาทิ ฐานเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ,พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ,พ.ร.บ.อาวุธปืน และพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าหลงเชื่อคำยุงยง ปลุกปั่น รวมทั้งผู้ปกครองให้การกำกับดูแลเยาวชนในการใช้งานคอมพิวเตอร์ เพราะอาจจะตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มองค์กรอาชญากรรมได้ จากข้อมูลพยานหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่ตรวจยึดได้ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ยุยง ปลุกปั่นดังกล่าว จะต้องสืบสวนหาผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image