เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พบประชาชนจากทุกสารทิศใช้โอกาสหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2560 ทยอยเดินทางพร้อมครอบครัวมาต่อแถวเป็นจำนวนมาก เต็มทั้ง 8 เต็นท์จุดรอคอยด้านท้องสนามหลวงทางทิศเหนือ โดยบางส่วนมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืด บางส่วนเป็นประชาชนที่มาปักหลักค้างคืนรอที่ท้องสนามหลวงและตามจุดบริการที่พักชั่วคราวต่างๆ โดยวันนี้สำนักพระราชวังเปิดให้เข้ากราบถวายสักการะตั้งแต่เวลา 05.00 น. จากเวลาปกติเปิดเวลา 08.00 น. ทั้งนี้ สภาพอากาศแม้มีแดดจัดแต่อากาศก็ยังเย็นสบายในช่วงเช้าและสาย
นางนันทนา เปี่ยมเจริญ อายุ 45 ปี ชาวเขตจตุจักร กรุงเทพฯ มาพร้อม นางสาวพิมพ์ผกา คำแตง ลูกสาว เล่าว่า ตั้งใจเดินทางมาวันนี้เพื่อขอกราบพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ขอพรปีใหม่ให้ตัวเองและครอบครัว ซึ่งวันนี้ถือเป็นครั้งที่สองในการมากราบสักการะพระบรมศพ สำหรับครั้งแรกมีจุดประสงค์เพื่อถวายความอาลัยในฐานะประชาชนคนไทยใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ ส่วนครั้งนี้เห็นว่าเป็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จึงตั้งใจชวนลูกสาวมากราบขอพรจากพ่อหลวงเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัว โดยเลือกเดินทางมาในช่วงดึก คือเวลา 03.15 น. แล้วมานั่งรอที่บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจนถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่ประกาศให้ต่อแถวเพื่อเข้าในพระบรมมหาราชวัง และได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพตั้งแตเวลา 05.00 น.
“นับว่าเป็นความโชคดีของตัวเองและลูกสาวที่ไม่ต้องรอนาน เพียงแค่แป๊บเดียวก็ได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพแล้ว อีกทั้งยังเป็นช่วงที่อากาศดีมากๆ อีกด้วย ทำให้รู้สึกสดชื่นและตื้นตันใจอย่างยิ่ง ตนเองเป็นอีกคนหนึ่งที่น้อมนำแนวพระราชดำริต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการดำรงชีวิตและสอนลูกสาว นั่นคือ ความประหยัด ความกตัญญูต่อพ่อแม่ รู้จักหน้าที่ของตัวเอง คิดดีทำดี เป็นต้น” นางนันทนา กล่าว
นายดำรง ชุมพล พนักงานบริษัทสยามคูโบต้า คอร์เปอเรชั่น จำกัด พร้อมด้วยภรรยาและลูกสาวทั้งสองคน นางวราพร-น.ส.ณิชานนก์ และ เด็กหญิงนภสร ชุมพล เดินทางมาจาก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตั้งแต่เวลา 03.00 น. เมื่อมาถึงถนนราชดำเนินตอนตีห้าก็ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องที่จอดรถ จากนั้นใช้เวลารอเพียงชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้เข้าถวายสักการะ กล่าวว่า ชาตินี้ไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ขณะทรงมีพระชนม์ชีพ จึงตั้งใจว่าในชีวิตก็ต้องมากราบพระบรมศพแสดงความรักความอาลัยและความจงรักภักดีต่อองค์พ่อหลวงให้ได้สักครั้ง จึงพาสมาชิกในครอบครัวมาวันนี้ โดยทุกวันนี้ตนเองและครอบครัวก็น้อมนำคำสอนขององค์พ่อหลวงมาใช้ในการเดินชีวิตถึงแม้ว่าจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ตาม โดยเฉพาะในเรื่องเดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องความพอเพียงคือใช้ตามที่เรามี อาจจะมีหนี้สินบ้างก็เป็นหนี้ในครอบครัว อีกข้อหนึ่งคือการช่วยเหลือมีน้ำใจดีต่อกันเพื่อให้ชีวิตของทุกคนสามารถดำรงไปด้วยกันได้แม้ว่าพระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว
