| ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
|---|
The Great Wall ไม่ถึงกับขี้เหร่ A Street Cat Named Bob หนังดีไม่ควรพลาด
The Great Wall
นักดูหนังชาวไทยแทบทุกคนรู้จักจางอี้โหมว หนึ่งใน “ผู้กำกับภาพยนตร์จีนรุ่นที่ 5” ที่มีผลงานการันตีจากเวทีระดับนานาชาติหลายเวที
Red Sorghum (1987) ที่เขากำกับและแสดงเอง ได้รับรางวัลหมีทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน The Story of Qui Ju (1992) ได้รับรางวัลสิงโตทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส ไม่ใช่เพียงกำกับภาพยนตร์ ในปี 2008 จางได้รับเกียรติ ให้เป็นผู้กำกับการแสดงพิธีเปิดและปิดกีฬาโฮลิมปิคอีกด้วย
เมื่อมีการสร้างหนังร่วมจีน-ฮอลลีวูด ด้วยทุนมหาศาล จางได้รับมอบหมายให้กำกับหนังเรื่องนี้ ถือเป็นหนังภาษาอังกฤษเรื่องแรกของจางในประเทศจีน และเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่สุดเท่าที่เคยถ่ายทำในจีน นี่เป็นหนังที่รวมดาราชั้นนำหลายคน ฝั่งฮอลลีวูดมี แมตต์ เดมอน วิลเลม เดโฟ และเปโดร ปาสคัล ฝั่งจีนมีหลิวเต๋อหัว ลู่หาน นักร้องดังจากวงดนตรีป๊อปจีน EXO และ หวังจุนไคนักร้องนำวง TEBOYS
หนังเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในจีน สามวันแรก รายได้ถล่มทลายถึง 470 หยวนหรือประมาณ 2,300 ล้านบาท แต่นักวิจารณ์จีนสับเละ ตั้งแต่การสร้างให้ฝรั่งเป็นฮีโรปกป้องจีน หนังไม่มีความคิดสร้างสรรค์ จนถึงขนาดพูดว่า “จางอี้โหมวตายแล้ว”
The Great Wall เป็นหนังแอคชั่นแฟนตาซีที่ไม่มีความแปลกใหม่ เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน แต่จะเอาอะไรกับหนังต่อสู้กับสัตว์ประหลาด แค่ให้ดูสนุกและสร้างความบันเทิงก็น่าจะเพียงพอ บทหนังอาจอ่อนหรือไม่สมเหตุสมผล ก็ไม่น่าจะใช่ประเด็นสำคัญ เพราะหนังลักษณะนี้ ไม่ใช่หนังที่จะดูเพื่อเอาเนื้อหาสาระหรือประเทืองสติปัญญาอยู่แล้ว
ในส่วนของการวิจารณ์ว่าเอาฝรั่งมาเป็นฮีโร จางอี้โหมว ได้พูดว่า
“นักแสดงหลักมีห้าคนที่เป็นตัวเดินเรื่อง แมตต์เป็นเพียงตัวละครหนึ่งที่มีส่วนช่วยกอบกู้ประเทศ ไม่มากไม่น้อยไปกว่าตัวละครอื่นๆ ที่เหลือต่างเป็นนักแสดงเชื้อสายจีน พวกเขาทุกคนล้วนเป็นส่วนสำคัญของเรื่อง มีความเสียสละ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของหนัง … หนังเรื่องนี้เป็นหนังจีนที่แบ่งพื้นที่ให้ดาราฮอลลีวูด เพื่อขายในหมู่คนดูทั่วโลกนอกจากจีน”
เรื่องราวของหนังย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน เป็นหนังจินตนาการล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น พูดถึงการสร้างกำแพงเมืองจีนขึ้นมา เพื่อปกป้องอสุรกายชื่อเทาเทียน ซึ่งจะบุกออกมาขย้ำมนุษย์ทุกหกสิบปี วิลเลียม (แมตต์ เดมอน ) นักแสวงโชคและทหารรับจ้าง ตกอยู่ในสถานการณ์จำเป็น ที่ต้องช่วยกองกำลังทัพที่มีชื่อว่าภาคีไร้นามต่อสู้กับอสูรร้าย เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน จนถึงกับเอ่ยปากว่า “ข้าสู้เพื่อความโลภและพระเจ้า แต่นี่คือสงครามแรกที่ข้าเห็นว่า ควรค่าแก่การต่อสู้เป็นที่สุด”
โดยส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้ ดูง่าย สบายๆ และสนุก CG จัดเต็ม ฉากสวยไม่ทิ้งสไตล์จางอี้โหมว กำแพงเมืองจีนที่เห็นสลัวๆ ท่ามกลางสายหมอก สวยงามราวภาพวาดด้วยพู่กันจีน งานศพแม่ทัพใหญ่ที่ปล่อยโคมลอยสู่ท้องฟ้าหลายร้อยโคม ทั้งยิ่งใหญ่และสวยงาม รวมทั้งฉากในวังฮ่องเต้ที่เจิดจ้า แจ่มจรัส contrast กันอย่างสิ้นเชิง กับฉากในสมรภูมิรบ
การออกแบบยุทธวิธีการต่อสู้ดูสนุกและแปลกตา แมตต์ เดมอน เก่งฉกาจฉกรรจ์ หันหลังยิงธนูได้แม่นเหมือนจับวาง กองทัพนกกระเรียนสีฟ้าซึ่งเป็นสตรีล้วน ก็กล้าหาญและเก่งเกินหญิง เพราะเป็นแนวหน้าในการบุกนำ โดยการกระโดดพุ่งตัวจากความสูงระดับกำแพงเมืองจีน เอาหอกไปทิ่มแทงอสูรกายในระยะประชิดตัว
The Great Wall ไม่ใช่หนังที่ขี้เหร่นักหรอก ถ้าจะดูเพื่อความบันเทิง เป็นหนังอลังการงานสร้าง แค่ดู CG ฉาก การแต่งกาย ความเก่งของพระเอก และความสวยของนางเอก ก็เพลิดเพลิน พอคุ้มค่าดูในโรงภาพยนตร์ได้
A Street Cat Named Bob
A Street Cat Named Bob สร้างจากเรื่องจริง ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือดังมาก ชื่อเดียวกัน A Street Cat Named Bob เขียนโดย เจมส์ โบเวน ตีพิมพ์ที่อังกฤษปี 2012 สร้างสถิติหนังสือขายดีอันดับหนึ่งในอังกฤษ และติดอันดับ 23 ของหนังสือขายดีของ The Sunday Times ทั้งยังได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาต่างๆ ใน 30 ประเทศทั่วโลก ในเมืองไทย กระแสของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างเงียบ ซ้ำยังฉายแบบจำกัดโรง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะเป็นหนังดีมีคุณภาพ เปี่ยมไปด้วยความหวัง และมีข้อคิดที่ตราตรึงใจ
เนื้อหาของหนัง เป็นชีวิตจริงของเจมส์ โบเวน (ลุค เทรดาเวย์) หนุ่มจรจัดที่พยายามจะเลิกเสพยาเสพติด ชีวิตของเขาโดดเดี่ยว หากินโดยร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ข้างถนน ตกอับขนาดบางครั้งต้องคุ้ยขยะเพื่อหาของกิน แล้ววันหนึ่งแมวสีส้มข้างถนนตัวหนึ่ง (แสดงโดยบ็อบตัวจริง) ก็เดินเข้ามาในชีวิต เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขามีพลัง และต่อสู้เพื่อเอาชนะใจตนเองให้หลุดพ้นวังวนยาเสพติด
คนขี้ยาหรือคนเสพยาเสพติดมักเป็นคนที่สังคมรังเกียจ และเสมือนไร้ตัวตนในสังคม ชีวิตของเจมส์ก่อนพบบ็อบ ก็เป็นเช่นนั้น ปัญหาบ้านแตกผลักเจมส์ เข้าสู่ปัญหายาเสพติด แต่สามัญสำนึกในส่วนดี ทำให้เขาพยายามเลิกด้วยการเข้าโปรแกรมบำบัดรักษาที่ใช้เมททาโดนแทนเฮโรอีน นี่เป็นโปรแกรมการบำบัดที่ค่อยเป็นค่อยไป ก่อนจะถึงการหักดิบซึ่งถ้าผ่านขั้นนี้ได้ ก็เรียกว่าหายขาด
ไม่ค่อยมีคนศรัทธาว่าเจมส์จะสามารถทำได้ เขาถูกมองอย่างรังเกียจ แม้แต่พ่อบังเกิดเกล้าผ่านมาเห็นลูกร้องเพลงขอเงินข้างถนน ก็ไม่กล้าแม้แต่จะทักเพราะเกรงใจภริยาใหม่ ชีวิตของเจมส์ตกอับสุดขีด แต่หนังก็ไม่ได้ดาร์คจนเกินไป เมื่อ วาล (โจแอน ฟรอกแกตต์) เจ้าหน้าที่ควบคุมการบำบัด เล็งเห็นถึงความตั้งใจ และพยายามหาสถานสงเคราะห์ให้เจมส์ได้ซุกหัวนอน ที่บ้านใหม่นี้เอง เจมส์ได้พบแมวสีส้มบาดเจ็บ เขาเทเงินที่มีอยู่อย่างน้อยนิดเพื่อรักษามันและเรียกมันว่าบ็อบ คนไร้ค่าในสังคมกับแมวข้างถนนต่างเติมเต็มชีวิตกันและกัน และสร้างสิ่งที่เกือบเรียกได้ว่าปาฏิหาริย์
ลุค ในบทของเจมส์แสดงได้อย่างเข้าถึงคนติดยาเสพติด ดูแล้วเชื่อจริงๆ ว่าเขาเป็นคนติดยาในโปรแกรมบำบัด เพลงที่เขาดีดกีตาร์ร้องเพลงข้างถนน ไม่ใช่เพลงที่คนดูรู้จัก แต่เกือบทุกเพลงสื่อความหวังและเนื้อหากินใจ “คุณเคยถามผมว่ามันนานแค่ไหน ที่จะเยียวยาคนหัวใจสลาย เพลงนี้เปรียบเหมือนสายน้ำ อย่าหยุดพยายาม อย่ายอมแพ้”
สำหรับเจ้าบ็อบซึ่งมารับบทตนเอง เป็นแมวแสนรู้ที่ดูฉลาดและน่ารักมาก บทของมันไม่ได้เวอร์จนเกินไป การติดตามเจมส์โดยเกาะบ่าไปไหนๆ ด้วย การเอาเท้าซ้ายตบมือขวาเจมส์ (เหมือนอาการคนสองคนเอามือตีกันเวลาพอใจ) ตลอดจนการหมอบนิ่งๆ เฝ้าเงินที่คนโยนให้ เป็นภาพน่ารัก คนดูอดยิ้มไม่ได้ แม้บ็อบจะแสดงเองแต่มีบางช็อตที่ใช้แมวอื่นมาช่วย เช่น ฉากตอนขึ้นรถเมล์ ขี่จักรยาน หรือตอนวิ่งหนีไป
A Street Cat Named Bob เป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจในการดำรงชีวิต ไม่น่าเชื่อว่าจากคนที่เหมือนไม่มีตัวตนในสังคม แมวตัวหนึ่งได้ทำให้คนคนนั้นมีชีวิตขึ้นมา มีบทพูดที่เจมส์เล่าให้วาลฟังที่ได้ยินแล้วสะเทือนใจมาก ไม่มีใครเคยเห็นเขาในสายตา แต่เมื่อเขามีบ็อบ “They call me Sir because of Bob”
อยากให้คนไปดูหนังเรื่องนี้กันมากๆ ก่อนที่หนังจะออก เพราะเป็นหนังสอนชีวิตฟีลกู๊ดที่ดูแล้วอิ่มเอมใจ นักแสดงหลักแสดงดี เพลงประกอบสไตล์โฟล์กอคูสติกไพเราะ เนื้อหา ข้อคิดดี มุมกล้องสวย ตอนท้ายเรื่องมีมุขน่ารักที่คนดูบางคนอาจไม่รู้ เมื่อเจมส์ตัวจริงออกมาขอลายเซ็นหนังสือ A Street Cat Named Bob จากเจมส์ที่แสดงโดยลุค
