ในที่สุด “นักการเมือง” ก็เริ่มมีบทสรุป “ร่วม” ต่อประเด็นของ “โรดแมป”
ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์
1 เรียกร้องให้คสช.รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ใน”โรดแมป”อย่างที่เรียกว่า “ปฏิญญานิวยอร์ค”
นั่นก็คือ เลือกตั้งในปลายปี 2560
ขณะเดียวกัน 1 แม้ว่าจะมีปัจจัยอันทำให้เกิดสภาวะคลาดเคลื่อน ก็พร้อมที่จะยอมรับ
นั่นก็คือ เลือกตั้งในต้นปี 2561 ก็ได้
ลองไปศึกษาท่าทีของ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จากพรรคเพื่อไทย ลองไปศึกษาท่าทีของ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์
ก็จะสัมผัสได้ว่า แทบไม่แตกต่างกัน
บทสรุปเช่นนี้เหมือนกับจะ “ยอมจำนน” เหมือนกับจะเป็นลักษณะ “การถอย”
แต่ต้องยอมรับว่าเป็นกระบวน “ถอยทางยุทธศาสตร์”
ภายในการถอย ไม่ว่าในการศึก ไม่ว่าในการเมือง ดำเนินไป 2 ลักษณะ
1 ถอยอย่างหนียะย่าย พ่ายจะแจ
1 ถอยอย่างผ่านกระบวนการสังเคราะห์มาแล้วอย่างรอบด้านจึงเป็นการถอยอย่างเข้าใจ
ถอยอย่างแรกนำไปสู่ “ความพ่ายแพ้”
ถอยอย่างที่ 2 เรียกได้ว่าเป็นการถอยอย่างเป็น”ฝ่ายกระทำ”เป็น “ฝ่ายเลือก”
จึงเป็นการถอยอย่างมีลักษณะ “สู้รบ”
มิได้เป็นการถอยอย่างหมอบราบคาบแก้ว มิได้เป็นการถอยอย่างหมดหนทางสู้
ทางการทหารจึงเรียกว่า “ถอยในทางยุทธศาสตร์”
การถอยของ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล การถอยของ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงสำคัญ
สำคัญต่อ “อนาคต” ในทาง “การเมือง”
นับแต่เหยียบบาทก้าว เข้าสู่เดือนมกราคม 2560 นั่นหมายถึงการนับ 1 ตาม”โรดแมป”
สภาพการณ์ทางการเมืองจึงเริ่มแปรเปลี่ยน
มิได้หมายความว่า “คสช.”จะอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายรุกเหมือนกับที่ดำรงอยู่หลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
เพราะนี่คือการเข้าสู่หลักที่ 3
ปี 2560 จึงเป็นปีที่อยู่ในบรรยากาศแห่ง “การเลือกตั้ง” อันถือได้ว่าเป็นขั้นตระเตรียมในทาง “ความคิด”
บรรยากาศนี้เป็นคุณต่อฝ่าย”การเมือง”
บรรยากาศนี้กลายเป็น “ของแสลง” สำหรับ “นักลากตั้ง”ซึ่งแอบอิงอยู่กับ”อำนาจพิเศษ”ของกระบวนการ “รัฐประหาร”
“คสช.”กับฝ่าย”การเมือง”จึงอยู่ในลักษณะ”ยัน”กันและกัน