จุฬาฯเตรียมร่วมมือฟู้ดอินโนโพลิสเฟสสอง จ่อเป็นฮับนวัตกรรมอาหารปลอดภัย

คณะผู้บริหารจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดี เข้าพบนายกิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และนายอัครวิทย์ กาญจนโอภาษ รองเลขาธิการ สวทน. ในฐานะซีอีโอเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือฟู้ดอินโนโพลิส เพื่อหารือถึงแนวทางความร่วมมือในอนาคต หลังจากที่จุฬาฯเป็นหนึ่งในหลายมหาวิทยาลัยที่ได้ร่วมลงนามความร่วมมือเป็นเครือข่ายเมืองนวัตกรรมอาหารเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2559

นายกิติพงค์กล่าวว่า เมืองนวัตกรรมอาหารเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักที่ สวทน.ได้ขับเคลื่อนเติบโตไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการสนับสนุนให้เกิดการวิจัยพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นการดึงดูดบริษัทหรือหน่วยงานวิจัยพัฒนาด้านอาหารชั้นนำของโลกมาลงทุนในกิจการด้านนวัตกรรมอาหารในประเทศไทย การสนับสนุนเอกชนไทยตั้งแต่สตาร์ตอัพ เอสเอ็มอี จนถึงบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อสร้างรายได้ใหม่ของประเทศด้วยสินค้าและบริการจากนวัตกรรมอาหารมูลค่าสูง รวมทั้งพัฒนาบุคลากรความรู้ชั้นสูงด้านเกษตรอาหาร โครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร

“จุฬาฯเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความพร้อมในการพัฒนายกระดับและแก้ปัญหาให้กับอุตสาหกรรมและธุรกิจอาหารของประเทศในทุกระดับ ตั้งแต่ต้นน้ำ ในขั้นตอนของกระบวนการผลิต กลางน้ำ ในขั้นตอนกระบวนการแปรรูปวัตถุดิบ จนถึงปลายน้ำ ในขั้นตอนบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ และมาตรฐานความปลอดภัย” นายกิติพงค์กล่าว

นายบัณฑิตกล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นศูนย์กลางการให้บริการทางด้านวิจัยพัฒนาและวิชาการ รวมถึงเป็นคลังเทคโนโลยีให้กับกลุ่มเอสเอ็มอี อุตสาหกรรมธุรกิจอาหารทั้งฮาลาลและทั่วไป เพื่อช่วยเหลือ แก้ปัญหา และวิจัยร่วม ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมด้านการผลิตอาหารและผลิตบุคลากร เพื่อให้ได้อาหารที่มีมาตรฐานส่งออก คุณภาพดีและปลอดภัย มีความมั่นคงทางด้านอาหารอย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นต้นแบบเทคโนโลยีสะอาด นอกจากนี้ยังมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ เครื่องมือ ห้องปฏิบัติการ และพื้นที่ในการอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนในทุกระดับตั้งแต่ในห้องปฏิบัติการจนถึงการทดลองในโรงงานต้นแบบ และออกสู่ตลาดจริงทั้งที่พญาไท และ จ.สระบุรี ทั้งนี้ อาหารส่งออกจากประเทศไทยต้องปลอดภัยเท่านั้น จึงจะสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ซึ่งจุฬาฯมีความพร้อมที่จะดำเนินการในเรื่องนี้

Advertisement

“ดีใจที่มีองค์กรที่เข้ามากำกับดูแลทั้งห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาไปสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารของโลก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร ทั้งด้านการวิจัยพัฒนา ส่งเสริม เอสเอ็มอี ตลอดจนผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทยให้ได้มาตรฐานส่งออกอย่างปลอดภัย มีความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน รวมไปถึงเป็นต้นแบบของเทคโนโลยีที่สะอาด” อธิการบดีจุฬาฯกล่าว

ด้านนายอัครวิทย์กล่าวว่า สำหรับการเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมความปลอดภัยอาหารนั้น จากการได้หารือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศและหน่วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้องพบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการวิจัยและพัฒนาด้านนี้ แต่ยังขาดการทำงานที่เป็นระบบและเชื่อมโยงกัน ระหว่างหน่วยงานทำวิจัยและพัฒนา หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานหรือกำกับดูแล และภาคเอกชนโดยเฉพาะในส่วนของเอสเอ็มอีที่ยังไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยอาหารมากนัก ดังนั้นเมืองนวัตกรรมอาหารจึงได้จัดประชุมหารือไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาถึงแนวทางในการดำเนินการดังกล่าว และคาดว่าจะสามารถผลักดันให้เกิดเครือข่ายด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอาหารของประเทศได้ในเร็วๆ นี้ โดยจะเริ่มจากการนำงานวิจัยด้านความปลอดภัยอาหารที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่างๆ มาประเมินศักยภาพและกำหนดแนวทางดำเนินการเพื่อนำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคเอกชนหรือพัฒนาเป็นวิธีการประเมินและตรวจสอบความปลอดภัยอาหารที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image