ตร.เจ้าของสำนวนคดีครูตกเป็น’แพะ’เปิดใจ สอบสวนรอบคอบ ระบุไม่มีพยานเห็นผู้ชายขับชน

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2560 พ.ต.ท.ทงศักดิ์  โพธิ์โหน่ง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ช่วยราชราชการ สภ.ผึ่งแดด อ.เมือง จ.มุกดาหาร เปิดเผยถึงกรณีที่นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.สกลนคร ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2548 และถูกจำคุกตั้งแต่เมื่อปี 2556 ก่อนจะได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558 และต่อมาครอบครัวของนางจอมทรัพย์ ได้ร้องเรียนต่อศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ขอให้ช่วยเหลือในการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ และล่าสุดทางศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ ได้เข้าไปช่วยเหลือจนสามารถนำพยานหลักฐานใหม่มายื่นต่อศาลและศาลสั่งให้รื้อฟื้นคดีใหม่ได้ นั้น มีข้อเท็จจริงคือ

พ.ต.ท.ทงศักดิ์ กล่าวว่า ในปี 2548 ตนมีตำแหน่งเป็น รอง สว.สอบสวน สภ.เรณูนคร จ.นครพนม โดยในวันเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถยนต์เฉี่ยวชนชนรถจักรยานยนต์บริเวณริมถนน ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ถูกชนได้รับความเสียหาย ส่วนผู้ขับขี่ถูกนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา สำหรับรถยนต์ที่เฉี่ยวชนได้หลบหนีไป โดยมีพยาน 3 คนเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ตนจึงได้เชิญมาสอบสวน พยานให้การว่าจำหมายเลขทะเบียนรถได้โดยเป็นป้ายทะเบียนสกลนคร ตนจึงได้ขอข้อมูลทางทะเบียนรถจากสำนักงานขนส่งจังหวัดสกลนคร และแจ้งผู้ครอบครองรถตามทะเบียนให้นำรถยนต์มาตรวจสอบ โดยมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานร่วมตรวจพิสูจน์รถที่เกิดเหตุทั้ง 2 คัน พบว่าร่องรอยการเฉี่ยวชน และคราบสี ที่ติดอยู่กับรถทั้งสองคันมีความเข้ากันได้พอดี ประกอบกับพยานที่เป็นเจ้าของรถยนต์ได้ให้การว่าในวันเวลาที่เกิดเหตุนางจอมทรัพย์  เป็นผู้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปใช้ ตนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและคำให้การทั้งหมดนำส่งพนักงานอัยการจังหวัดนครพนมดำเนินการสั่งฟ้องต่อไป

“ในชั้นพิจารณาของศาลทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ก็ได้มีคำพิพากษาว่านางจอมทรัพย์กระทำความผิดจริงและลงโทษจำคุกดังกล่าว ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่าพยานในคดีเห็นผู้ขับขี่รถยนต์คันที่เฉี่ยวชนเป็นผู้ชายและได้ลงมาดูเหตุการณ์และเกิดเหตุนั้น เมื่อประมาณปี 2557 ระหว่างที่คดีอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกา ก็ได้มีการเรียกให้พยานที่เห็นเหตุการณ์ทั้ง 3 คน และตนในฐานะพนักงานสอบสวนขึ้นให้การต่อศาลในประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งในส่วนของตนก็ได้ให้การต่อศาลว่าในช่วงปี 2548 ที่ตนได้ดำเนินการการสอบปากคำพยานไม่มีพยานให้การว่าเห็นผู้ชายเป็นผู้ขับขี่รถยนต์และลงมาดูที่เกิดเหตุแต่อย่างใด และต่อมาศาลฎีกาก็ได้มีความเห็นยืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษาว่านางจอมทรัพย์ได้กระทำความผิดจริง” พ.ต.ท.ทงศักดิ์ กล่าว

พ.ต.ท.ทงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนด้วยความมีคุณธรรม จริยธรรม ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และได้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีอย่างรอบคอบทั้งในส่วนของพยานบุคคลพยานหลักฐาน ภาพถ่าย แผนที่เกิดเหตุ และพยานแวดล้อมต่างๆ มีการบันทึกคำให้การพยานอย่างตรงไปตรงมาครบถ้วนในทุกประเด็นที่พยานให้การถึงในห้วงเวลาที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งความเห็นของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ได้ยืนยันทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรถยนต์ที่เกิดเหตุในคดี จึงได้มีความเห็นควรให้สั่งฟ้องคดีเพื่อให้พนักงานอัยการจังหวัดนครพนมพิจารณาตามขั้นตอนทุกประการ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image