น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าผู้แทนไทย เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 17-18 มกราคม 2560 ปากีสถาน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ 6 ณ กรุงอิสลามาบัด ซึ่งสองฝ่ายมีเป้าหมายจะเร่งหาข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดทำรูปแบบการลดภาษี และรายการสินค้าที่ต้องการให้มีการเปิดตลาดระหว่างกัน รวมทั้งหารือประเด็นคงค้างในส่วนของข้อบทด้านการค้าสินค้า และประเด็นด้านกฎหมายอื่นๆ ซึ่งการเจรจา 5 ครั้งที่ผ่านมามีความคืบหน้าไปมาก สามารถสรุปผลการหารือในส่วนของข้อบทได้เกือบทุกข้อบทแล้ว
การจัดทำเอฟทีเอไทย-ปากีสถาน จะช่วยให้ไทยสามารถขยายตลาดการค้าสู่ภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออกกลางได้มากขึ้น เนื่องจากปากีสถานเป็นตลาดใหญ่ มีประชากร 195 ล้านคน หรืออันดับ 6 ของโลก และตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถเป็นประตูการค้าเพื่อกระจายสินค้าของไทย เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศ เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ของเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ ปี 2558 ปากีสถานเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ และอันดับที่ 42 ของไทยในตลาดโลก การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 1.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.76% การส่งออกมีมูลค่า 913 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.38% การนำเข้ามีมูลค่า 120 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.62% โดยการค้าระหว่างไทยกับปากีสถานระยะ 5 ปี (2554-2558) มีมูลค่าเฉลี่ย 1.02 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี มีอัตราการขยายตัวลดลงเฉลี่ย44.96% ต่อปี และมีสัดส่วนการค้าเฉลี่ย 0.23% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามาโดยตลอด
สินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกของไทย ได้แก่รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เส้นใยประดิษฐ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่อง เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าจากปากีสถาน ได้แก่ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ด้ายและเส้นใย ผ้าผืน สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น