‘มีชัย’จ่อถอย ยอมแก้ปมอำนาจศาลรธน. เล็งยึดมาตรา 5 รธน.ชั่วคราว

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังทำหน้าที่ประธานการประชุม กรธ.ที่มีวาระพิจารณาบทบัญญัติร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ขณะนี้ กรธ.อยู่ระหว่างการประมวลความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ส่งมาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) องค์กรอิสระ และประชาชน ก่อนที่จะพิจารณาว่าปรับปรุงเนื้อหาในส่วนใดได้บ้าง ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการห่วงใยว่าการนำบทบัญญัติ (นำมาตรา 7 เดิมไปอยู่หมวดศาลรัฐธรรมนูญ) เกี่ยวกับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไว้ในร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 207 ไม่มีความเหมาะสมนั้น ทาง กรธ.กำลังจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการแก้ไขให้เกิดความเหมาะสมต่อไป

“สำหรับแนวทางการแก้ไขเนื้อหาดังกล่าวเบื้องต้น กรธ.จะนำมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาพิจารณา ทั้งนี้ เจตนารมณ์เดิมของ กรธ.ที่ไว้ในหมวดศาลรัฐธรรมนูญ คือ ต้องการให้มีองค์กรเข้ามาทำหน้าที่ชี้ขาด ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดเป็นปัญหาเหมือนที่ผ่านมา แต่การย้ายกลับมาไว้ที่เดิมจะเป็นการบอกว่าถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาหน่วยงานไหนจะมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา” นายมีชัยกล่าว

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำข้อเสนอของ สนช.ที่ให้รัฐสภาหรือวุฒิสภาลงมติว่ากรณีใดเป็นวิกฤตที่ต้องให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญเรียกผู้นำเหล่าทัพมาหารือเพื่อแก้ไขปัญหามาไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้าย นายมีชัยกล่าวว่า คงเป็นไปได้ยาก เพราะหากต้นตอของวิกฤตดังกล่าวเกิดมาจากที่รัฐสภาเองจะทำอย่างไร
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวที่ระบุว่า กรธ.กำลังพิจารณาว่าจะให้ ส.ว.มาจากการสรรหาทั้งหมด นายมีชัยกล่าวว่า ยังไม่มีการพิจารณา เพราะตอนนี้กำลังพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในส่วนแรกอยู่ ยังไม่ถึงมาตราที่เกี่ยวกับวุฒิสภาเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราวป พ.ศ.2557 ระบุว่า “เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทําการนั้นหรือวินิจฉัย กรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ประเพณีการปกครองดังกล่าวต้องไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้”

Advertisement

“ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการวินิจฉัยกรณีใดตามความในวรรคหนึ่งเกิดขึ้นในวงงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด หรือเมื่อมีกรณีที่เกิดขึ้นนอกวงงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี ศาลฎีกา หรือศาลปกครองสูงสุด จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดก็ได้ แต่สําหรับศาลฎีกาและศาลปกครองสูงสุดให้กระทําได้เฉพาะ เมื่อมีมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาหรือที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด และเฉพาะในส่วน ที่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image