โฆษกศาลเผยสืบพยาน”ครูจอมทรัพย์” 8-10 ก.พ. เสนอศาลฎีกาชี้ขาดจำเลยบริสุทธิ์หรือไม่

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 16 มกราคม ที่ห้องประชุมชั้น 10 สำนักงานศาลยุติธรรม อาคารศาลอาญา นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม แถลงกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลจังหวัดนครพนม เป็นศาลชั้นต้นสืบพยานคดี ที่นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตครูโรงเรียน จ.สกลนคร ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ฐานขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเหตุเกิดเมื่อปี 2558 ยื่นรื้อฟื้นคดีใหม่ตาม พ.รบ.คดีอาญาการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ ว่า หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งรับคำร้องขอรื้อฟื้นคดีและสั่งให้สาลจังหวัดนครพนมสืบพยานแล้วนั้น วันนี้ศาลจังหวัดนครพนมนัดพร้อมเพื่อกำหนดวันสืบพยานหลักฐานใหม่ โดยการนัดพร้อมศาลได้สอบถามคู่ความทั้ง ฝ่ายจำเลยและฝ่ายพนักงานอัยการโจทก์ ว่าจะสืบพยานปากใดบ้าง วันเวลาใด ดังนั้นกระบวนการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่จึงยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องสืบพยานให้สิ้นกระแสความ โดยศาลจังหวัดนครพนม นัดสืบพยานภายในวันที่ 8 -10 กุมภาพันธ์

นายสืบพงษ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นนี้ศาลยุติธรรมขอชี้แจงถึงขั้นตอนการรื้อฟื้นคดีฯ จะดำเนินการได้เมื่อศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าจำเลยกระทำความผิด แต่ถ้าปรากฏในภายหลังว่าพยานบุคคลที่เป็นพยานสำคัญในคดีนั้นเบิกความเท็จหรือให้การเท็จ จนกระทั่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าพยานนั้นกระทำความผิดฐานเบิกความเท็จ หรือ พยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่นำมาใช้เป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีนั้นเป็นพยานหลักฐานที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งประเด็นที่มีพยานหลักฐานใหม่ว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด

นายสืบพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีของนางจอมทรัพย์ อ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ ว่าจำเลยไม่ใช่ผู้กระทำความผิด จึงขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ ตามหลักกฎหมายนั้น ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานเบื้องต้นว่ามีมูลเพียงพอหรือไม่ในการรื้อฟื้นคดี ขั้นตอนนี้ปรากฏว่า ได้ดำเนินการผ่านมาแล้วว่าคดีมีมูล จากนั้นส่งให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4วินิจฉัย ศาลอุทธรณ์ภาค4เห็นว่าควรจะให้รื้อฟื้นคดี

นายสืบพงษ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นศาลชั้นต้นคือศาลจังหวัดนครพนมดำเนินการสืบพยานหลักฐานในชั้นการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลจะต้องดำเนินการสืบพยานจนสิ้นกระแสความว่าจำเลยนั้นเป็นผู้ที่ไม่ได้กระทำผิดตามคำพิพากษาเดิมใช่หรือไม่ หลังจากนั้นจะต้องส่งข้อเท็จจริง สำนวนการสืบพยานไปยังศาลฎีกา เพื่อมีคำวินิจฉัยและพิพากษาว่าจำเลยไม่ใช่ผู้กระทำผิดหรือยืนยันตามคำพิพากษาเดิม คงจะต้องใช้ระยะเวลา

Advertisement

เมื่อถามว่า หากมีการตรวจสอบแล้วหากพบความบกพร่องของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม จะต้องรับผิดชอบต่อการถูกดำเนินคดีอาญาเพียงใด นายสืบพงษ์ กล่าวว่า ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานต้องดูว่าในแต่ละชั้นมีปัญหาในขั้นตอนใด จะต้องย้อนกลับมาศึกษาในแต่ละคดีซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักว่าบกพร่องในขั้นตอนใด บางเรื่องอาจบกพร่องโดยสุจริต หรือบางเรื่องอาจจะจงใจหรือไม่จงใจ ต้องพิจารณาเป็นรายคดีไป ถ้าเป็นกรณีที่มีความจงใจในการสร้างพยานหลักฐานเท็จเกิดขึ้น ต้องรับผิดทางอาญาตามกฎหมาย

“การรื้อฟื้นคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดว่าศาลจะฟังพยานหลักฐานจำเลยเป็นผู้ไม่ได้กระทำความผิดหรือไม่ เราจึงยังไม่ทราบว่าประเด็นนี้มีข้อบกพร่องในขั้นตอนไหน” โฆษกศาลยุติธรรมกล่าว และ ว่า ขณะนี้ยังไม่ถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่โดยสิ้นเชิงเพราะยังต้องเข้าสู่กระบวนการสืบพยานต่อหน้าศาลแล้วทำสำนวนเสนอศาลฎีกา ส่วนคดีอื่นที่เคยการรื้อฟื้นขึ้นมานั้นมีจำนวนไม่มากในช่วงปี 2558-2559 นั้นมีเพียง 4 คดี และคดีที่กล่าวมาเป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้มีการพิจารณาคดีขึ้นมาใหม่ คดียังอยู่ในชั้นสืบพยาน ยังไม่มีผลคำพิพากษาใหม่ว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image