วันที่ 17 มกราคม นพ.เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา ประธานกลุ่มพัฒนาหาดใหญ เปิดเผยว่า กลุ่มพัฒนาหาดใหญ่ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านทาง พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และผู้อำนวยการศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ให้พิจารณาเพิ่มเติมในโครงการยกระดับรางรถไฟและสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่
นพ.เกรียงศักดิ์เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.ได้ให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และออกแบบโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ซึ่งโครงการจะเริ่มก่อสร้างในปี 2561 จะแล้วเสร็จปี 2563 และจะเปิดดำเนินการในปี 2564
“ผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา ร.ฟ.ท. ช่วงสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ สถานีเมืองสงขลา ระยะทาง 30 กม. มีการออกแบบรางรถไฟและสถานียกระดับจากผืนดิน 5 สถานี มีสถานีบ้านคลองแห บ้านเกาะหมี อ.หาดใญ่ สถานีน้ำน้อย เขารูปช้าง และสถานีเมืองสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา มูลค่าการลงทุน 10,200 ล้านบาท” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์เปิดเผยว่า สถานีชุมทางรถไฟหาดใหญ่ เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยและเป็นย่านธุรกิจการค้า ศูนย์กลางใจเมืองนครหาดใหญ่ 2 ฝั่ง ยังไม่ยกเอามาทำการศึกษา ในโครงการยกระดับทางรถไฟรางคู่ ก่อนเข้าตัวเมืองและออกตัวเมืองหาดใหญ่ ตลอดจนยกระดับสถานีชุมทางรถไฟหาดใหญ่เหนือจากผิวดิน หากโครงการได้ทำการยกระดับ มีระยะทางยาวประมาณ 5 กม. กว้าง 80 ตร.ม. สามารถขยายความยาวอีกจำนวนหนึ่งทั้งทางขาเข้าและขาออก สามารถจะแก้ปัญหาได้มาก จะเป็นจุดเปลี่ยนของการพัฒนาเมืองหาดใหญ่แล้ว ประโยชน์จะรวมเมืองหาดใหญ่ 2 ฝั่งเข้าด้วยกัน อำนวยความสะดวกในการสัญจร ธุรกิจการค้าขยายตัวไปฝั่งหาดใหญ่ใน ถึงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ แก้ไขปัญหาการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“สร้างพื้นที่ใต้รางรถไฟเพิ่มขึ้น 400,000 ตร.ม. มีสถานที่จอดรถใต้ทางรางรถไฟ 3,000 คัน เป็นการเพิ่มพื้นที่จราจรในตัวเมืองหาดใหญ่ที่กำลังแออัด และจะเป็นการพัฒนาพื้นที่เป็นสถานที่การค้า ค้าขาย ตลาดพืชผัก ผลไม้ ต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์เลี้ยง สินค้าพื้นเมือง ตลาดเสื้อผ้า ศูนย์อาหารไทย จีน อิสลาม เวทีแสดงดนตรี ตลาดไนท์บาซาร์ และศูนย์เช่าพระ เพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนหย่อม สถานที่พักผ่อนใต้ทางยกระดับและส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว
ส่วนปัญหาสลัมสองฝั่งทางรถไฟ นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า รถไฟสร้างแฟลตเพื่อที่อยู่อาศัย แปลงสภาพใหม่ให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมลึกและขังนานฝั่งหาดใหญ่ในได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสถานีรถลอยฟ้านานาชาติ ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองหาดใหญ่ และเป็นการสร้างความพร้อมเมืองหาดใหญ่ ที่จะพัฒนาเป็นมหานครแห่งหนึ่งของประชาคมอาเชียน (เออีซี) สร้างเมืองใหม่ เมืองเศรษฐกิจการค้าเพิ่มขึ้นอีก 1 เมืองกลางใจเมืองหาดใหญ่ ในเชิงพาณิชย์จะมีผลตอบแทนอย่างมหาศาล
นอกจากนี้ นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า รัฐบาลมี 2 ทางเลือกที่จะดำเนินการคือ รัฐบาลเลือกลงทุนเองหรือให้เอกชนลงทุน หากให้เอกชนลงทุน จะต้องมอบสัมปทานให้ผู้ลงทุนในระยะ 50 ปี ใช้เงินสัมปทานประมาณ 20,000 ล้านบาท ประมาณปีละ 200 ล้านบาท มีเอกชนลงทุนจำนวนมากเข้ามาแข่งขันในการประมูล
“โครงการยกระดับรางรถไฟ ในของพื้นที่อู่ซ่อมและคลังขนส่งสินค้า ย้ายไปสถานีรถไฟบางกล่ำ ซึ่งอยู่ใกล้กับการนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ฉลุง อ.หาดใหญ่จะเป็นจุดอิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต เป็นแหล่งทำเลทองของเมืองหาดใหญ่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาท ได้ผลตอบแทนประมาณปีละ 6,000 ล้านบาท รัฐบาลสามารถเก็บภาษีได้ประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว