สังคมหุ่นยนต์ : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

ทุกวันนี้มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ เมื่อก่อนอ่านหนังสือการ์ตูน เรื่องมนุษย์หุ่นยนต์ ก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่หุ่นยนต์ก็ได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาเพื่อทำงานแทนมนุษย์สำหรับงานยากๆ หรือสำหรับงานที่มนุษย์ทำด้วยตนเองไม่ได้ เช่น ลอดเข้าไปในท่อหรือหลอดเล็กๆ หรือเข้าไปในที่ที่มีอุณหภูมิสูง หรือที่มีอุณหภูมิต่ำเกินไป หรืออยู่ในทะเลลึกที่มีความดันสูงกว่าที่มนุษย์จะอยู่ได้นานๆ หรือขึ้นไปอยู่ในอวกาศที่ไม่มีอากาศจะหายใจได้เป็นเวลานาน หรือขึ้นไปอยู่บนดาวนพเคราะห์ดวงอื่นในสุริยจักรวาลแล้วทำหน้าที่คล้ายๆ กับมนุษย์ในการขับเคลื่อนยานอวกาศ ซ่อมแซมเครื่องยนต์กลไกในยานอวกาศเมื่อมีความจำเป็น

เรื่องหุ่นยนต์กลายเป็นเรื่องปกติที่ได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ แม้ว่าบางครั้งผู้เสนอข่าวไม่ได้เสนอว่าสิ่งต่างๆ ดังกล่าวนั้นความจริงแล้วคือหุ่นยนต์

ความก้าวหน้าของการผลิตหุ่นยนต์คงจะก้าวหน้าไปมาก และอาจจะก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งจนมีความกลัวกันว่า ในวันข้างหน้ามนุษย์เราอาจจะมีความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ จนสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาให้มีชีวิตจิตใจ สามารถเก็บข้อมูลและประมวลข้อมูล มีสมองกลที่มีความสลับซับซ้อนพอๆ กับสมองของมนุษย์ได้ ถึงตอนนั้นมนุษย์เองก็อาจจะควบคุมการทำงานและพฤติกรรมของหุ่นยนต์ที่เขาสร้างขึ้นมาไม่ได้ และอาจจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ และอาจจะถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสังคมและมนุษยชาติได้ แม้จะเป็นเรื่องที่ขณะนี้ยังไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ใครจะไปทราบได้ หุ่นยนต์อาจจะพัฒนาตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์ เพราะอาจจะมีผู้สร้างละมุนภัณฑ์หรือซอฟต์แวร์ให้มีความเป็นตัวเองหรือ automatic อัตโนมัติมากขึ้น จนหุ่นยนต์สามารถสร้างหุ่นยนต์ตัวใหม่ขึ้นมาเองได้ จากวัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่บนโลกทุกวันนี้ สามารถจะสร้างหุ่นยนต์ที่ติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบินหรือยานอวกาศได้เอง จนกลายเป็นกองทัพมนุษย์หุ่นยนต์ที่ผู้สร้างไม่อาจจะควบคุมได้ กลายเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติเหมือนกับที่เห็นจากภาพยนตร์การ์ตูน

คงด้วยจินตนาการดังกล่าวที่มีรากฐานมาจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ที่วิวัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ได้ก้าวหน้าไปมาก หรือไม่ก็รัฐสภายุโรปไปอ่านนวนิยายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และมนุษย์หุ่นยนต์มากเกินไป และคิดว่าหุ่นยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว คงจะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และได้เข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้นตามลำดับ สภานิติบัญญัติของสหภาพยุโรปกำลังจะออกกฎหมายรับรองความเป็นบุคคลของหุ่นยนต์ พร้อมกับควบคุมความประพฤติของหุ่นยนต์ ไม่ให้กระทำการอันเป็นความผิดทางอาญา หรือละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือหุ่นยนต์ด้วยกัน แต่ไม่ได้ยินว่าถ้าหากหุ่นยนต์ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของสัตว์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ หุ่นยนต์จะถูกห้ามหรือไม่ น่าจะถูกห้ามเหมือนกันเพราะสัตว์ก็เป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง หรือถ้าหุ่นยนต์ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพทั้งทางร่างกายและทรัพย์สิน โดยผู้สร้างหุ่นยนต์ไม่ได้ประดิษฐ์หุ่นยนต์เพื่อการนั้นๆ และควบคุมหุ่นยนต์ไม่ได้ ความรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและทางอาญาจะมีมากน้อยเพียงใด เพราะหุ่นยนต์คงจะรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาไม่ได้ แต่กฎหมายบังคับว่าการสร้างหุ่นยนต์ต้องมีมาตรการป้องกันเรื่องดังกล่าวและหุ่นยนต์ต้องถูกทำลายได้ เมื่อเห็นว่าหุ่นยนต์จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสังคม

Advertisement

สังคมยุโรปคงจะก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีทางดิจิทัลต่างๆ ไปไกลถึงขั้นต้องเตรียมออกกฎหมายจำกัดเงื่อนไขความประพฤติ การปฏิบัติและความรับผิดทางอาญา แม้จะยังไม่รวมไปถึงความรับผิดทางการเมืองก็ตาม เป็นข่าวที่น่าสนใจมากว่าความก้าวหน้าทางด้านนี้ไปไกลขนาดไหน

เมื่อ 20 ปีก่อน เราเคยวิตกกันว่าความก้าวหน้าในการพัฒนาหุ่นยนต์จะทำให้มนุษย์ตกงาน เพราะมนุษย์จะถูกหุ่นยนต์แย่งงานไปทำ การใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนจะมีต้นทุนถูกกว่าการใช้มนุษย์ เพราะหุ่นยนต์ไม่มีสหภาพแรงงาน ไม่ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้กับหุ่นยนต์ที่ทำงานเกินกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือ 8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ต้องมีสวัสดิการการรักษาพยาบาล ไม่ต้องมีสวัสดิการอื่นๆ โรงงานผู้ประกอบการจะหันไปใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์กันหมด ขณะเดียวกันการใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานมนุษย์ก็จะได้รับการต่อต้านจากสหภาพแรงงานอย่างรุนแรง

แต่เหตุการณ์ก็มิได้เกิดขึ้นอย่างที่เคยหวั่นวิตกกัน การคาดการณ์ของนักอนาคตศาสตร์ผิดหมด การใช้หุ่นยนต์ช่วยทำงานทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สามารถผลิตสินค้าและบริการใหม่ๆ ในเกือบจะทุกสาขา ทั้งสาขาวิศวกรรม อุตสาหกรรม พาณิชย์กรรม การเงินการธนาคาร แทนที่การจ้างงานจะน้อยลงปรากฏว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงานน้อยลง จนสหภาพแรงงานหมดความจำเป็น หมดความหมายและล่มสลายไปในที่สุด

Advertisement

การที่สหภาพแรงงานล่มสลายไป อันเป็นผลมาจากความก้าวหน้าของวิศวกรรม นวัตกรรมของสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย สัดส่วนของผู้ใช้แรงงานระดับที่ใช้แรงงานจริงๆ หรือที่เรียกกันว่าแรงงานปกเสื้อน้ำเงิน หรือ blue collar workers มีน้อยลง เพราะมีการใช้เครื่องจักร มีการใช้หุ่นยนต์มากขึ้น ทำให้ความคิดของมนุษย์ในเรื่องการเมือง ความคิดทางด้านสังคมนิยม หมดความหมายไปในที่สุด

ความก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารและอื่นๆ ทำให้ยุโรปมีจินตนาการไปไกลว่า ข้างหน้านี้หุ่นยนต์คงจะพัฒนาขึ้นจนสามารถทำงานแทนคนหรือใกล้เคียงกับคนมากยิ่งขึ้น จึงออกกฎหมายให้หุ่นยนต์ต้องจดทะเบียนเหมือนมีฐานะเป็นบุคคล นอกเหนือจากบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล มีเลขประจำตัวเหมือนบัตรประชาชน ต้องเสียภาษีไม่แน่ใจว่าภาษีอะไร คงไม่ใช่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยเจ้าของหุ่นยนต์เป็นผู้รับภาระภาษี มีการออกกฎระเบียบเพื่อป้องกันไม่ให้หุ่นยนต์ทำอันตรายต่อประชาชนและสังคม และหุ่นยนต์ต้องมีปุ่มที่จะกดทำลายตัวเองได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ

โลกตะวันตกเตรียมวางแผนการใช้หุ่นยนต์แทนคน เพราะหุ่นยนต์กำลังจะทดแทนคนได้ มีลักษณะคล้ายกับคนมากขึ้น จนต้องออกกฎหมายให้หุ่นยนต์มีฐานะเป็นบุคคล ซึ่งมีทั้งสิทธิและหน้าที่ มีกฎหมายควบคุมความประพฤติว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้เพราะจะเป็นอันตรายต่อประชาชน ต้องเสียภาษีเหมือนบุคคล

แต่ในโลกตะวันออก ยังล้าหลังอยู่เป็นอันมาก หลายประเทศยังต้องการให้ประชาชนเป็นหุ่นยนต์ ไม่ต้องการให้มนุษย์มีความคิดความเห็น ไม่ต้องการให้ผู้คนเป็นอิสระทางความคิด ไม่ต้องใช้สมองคิดอะไรสลับซับซ้อนมากกว่าสามารถทำมาหากินได้ อย่างอื่นไม่ต้องการเพราะกินไม่ได้ เพียงแต่ประพฤติตนตามที่เจ้าของต้องการ จะออกนอกลู่นอกทางไม่ได้ ถ้าออกนอกลู่นอกทางก็สามารถทำลายทิ้งได้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ก็ดี สิทธิมนุษยชนก็ดี เป็นเรื่องของประชาชน ของประเทศที่เขาใช้หุ่นยนต์ ไม่ใช่เรื่องของประเทศที่พยายามทำให้คนเป็นหุ่นยนต์

ผู้เป็นเจ้าของหุ่นยนต์จะเป็นผู้เดียวที่เป็นผู้คิดผู้ทำ หุ่นยนต์จะมาคิดเอง มาโต้เถียงกับผู้เป็นเจ้าของไม่ได้ แม้ว่าหุ่นยนต์จะฉลาดเฉลียวพอจะรู้ว่าที่นายสั่งนั้นผิดและเป็นโทษในระยะยาว เมื่อคนกลายเป็นหุ่นยนต์ไปแล้ว

การออกกฎหมายเพื่อให้คนปฏิบัติตาม โดยคนที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของหุ่นยนต์ หากฝ่าฝืนก็ถือว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งที่กฎหมายไม่ได้มาจากการมีส่วนร่วมและการยินยอมของหุ่นยนต์

ในขณะเดียวกันก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งยอมลดตน ทิ้งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไปเป็นหุ่นยนต์ด้วยความเต็มใจ ไม่มีปากไม่มีเสียง ปกป้องคนกลุ่มน้อยที่สถาปนาตนเป็นเจ้าของหุ่นยนต์ เพราะเป็นคนนั้นยุ่งยาก ไม่สงบเรียบร้อย เรียกร้องนั่น เรียกร้องนี่ เป็นหุ่นยนต์ดีกว่า สงบเรียบร้อยดี

ก็ได้ยินหุ่นยนต์ในสังคมพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดความเห็นของหุ่นยนต์กับพวกเดียวกัน เหมือนกับสังคมนกแก้ว สังคมนกขุนทอง ที่ออกเสียงหรือพูดตามความเคยชินที่เคยได้ยินหรือเคยถูกสั่งสอนมา แม้ว่าสิ่งที่เห็นหรือของจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ตนถูกอบรมสั่งสอน หรือถูกโปรแกรมมาให้คิดให้เชื่อให้ปฏิบัติตาม

ในสังคมหุ่นยนต์ จึงเป็นสังคมที่ต้องตรวจสอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา ต้องตรวจสอบตัวเองว่าคิดหรือทำตามกระแส ที่ใครก็ไม่ทราบปลุกปั่นขึ้นมาเพื่อให้กระทำการตามที่เขาต้องการ กระแสการถูกทำให้เป็นหุ่นยนต์นี้มักจะเกิดขึ้นกับคนที่คิดว่าตนเป็นอีกชนชั้นหนึ่ง ก็คนส่วนใหญ่ของสังคม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีการศึกษา ไม่ว่าผู้ที่มีตำแหน่งและฐานะในสังคมอื่นๆ อุปาทานเหล่านี้ถ้าประมาทไม่ระมัดระวัง ก็อาจจะกลายเป็นหุ่นยนต์ได้อย่างง่ายๆ

ทุกคนที่ผ่านชีวิตมาจนถึงปัจฉิมวัย ถ้ามองย้อนกลับไปอย่างภาวะวิสัย ละทิ้งความเป็นอัตวิสัย แล้วก็จะเห็นว่าตนเคยตกเป็นหุ่นยนต์ของสังคมมาแล้วทั้งสิ้นไม่มากก็น้อย แต่เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วก็ควรเลิกเป็นหุ่นยนต์กันเสียที

กลับมาเป็นคนอย่างเขาบ้าง

วีรพงษ์ รามางกูร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image