วันนี้ (18 ม.ค.) นายกษิต ภิรมย์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ(สปท.) โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นเรื่องแนวทางการปรองดองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยระบุว่า
“เรื่อง MOU ปรองดอง ผมเองเห็นด้วยตรงที่ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “MOU ไม่ใช่การขัดกฎหมาย และต้องตกลงร่วมกัน” เพราะอะไรก็อยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ รวมถึงการตกลงก็คือการเปิดให้ทุกฝ่ายได้หารือกัน และได้โปรดอย่าลืมว่า MOU ที่คนไทยต้องการนั้น รวมถึงการที่ทหารจะไม่ออกมาทำการรัฐประหาร และฉีกรัฐธรรมนูญ อีกด้วยในอนาคต นั่นก็แปลว่าในการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ ประชาชนจะต้องได้รับระบบการบังคับใช้กฎหมายที่ดีเพียงพอที่จะใช้ตรวจสอบ ควบคุมการบริหารประเทศ และสามารถจัดการข้อขัดแย้งกันเองได้ โดยทหารจะได้เอาเวลาไปปฏิบัติหน้าที่เฉพาะของตนเองได้อย่างเต็มที่”
ทั้งนี้มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตโพสต์ถามนายกษิตว่า “ผมไม่เข้าใจว่า ปรองดองคืออะไร เพราะที่ทะเลาะกันตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คือคนที่รักทักษิณ กับ คนที่เกลียดทักษิน ที่ไม่มีวันที่จะร่วมมือไปด้วยกันได้ ทั้งฝ่ายนักการเมืองและประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงต้องมีความเห็นขัดแย้งไปอีกนาน?
โดยนายกษิต ตอบคำถามดังกล่าวว่า
“การปรองดองคือการหาทางออกร่วมกัน ผ่านทางการหารือจากคู่ขัดแย้ง หากมองจากมุมของคนรักทักษิณ อีกฝ่ายคือผู้ทำลายประชาธิปไตย เพราะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง
หากมองจากฝ่ายเกลียดทักษิณ อีกฝ่ายคือผู้ทำลายประชาธิปไตย เพราะไม่เคารพหลัก ปชต. ดังนั้นก็ต้องกลับมาตกลงกันให้ได้ว่าหลัก ปชต. ร่วมกันคืออะไร แล้วให้เกิดกระบวนการค้นหาความจริงจากผู้ที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ โดยจะต้องสัญญากันไว้ว่า ไม่ว่าผลเป็นอย่างไรให้ถือเป็นที่สุด
หลังจากนั้นก็ให้ยึดเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกันต่อไปในอนาคต
ส่วนเรื่องทางกฎหมาย (เช่นการคอรัปชั่น) ก็ให้ดำเนินควบคู่กันต่อไป ตามดุลยพินิจของกระบวนการยุติธรรม โดยจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้กระโจนเข้าร่วมวงขัดแย้งครั้งนั้นได้มีโอกาสในการดำเนินชีวิตต่อได้ด้วย”