ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
“ศิลาจารึกเป็นประกาศ” นักปราชญ์ครูบาอาจารย์ไทยสั่งสอนอบรมสืบทอดกันมาอย่างนั้นนานมากแล้ว และยอมรับนับถือเป็นที่ยุติตามนั้นโดยไม่มีคำถาม จึงใช้ในการเรียนการสอนทั่วประเทศ
แต่ชุมชนวิชาการนอกระบบ มีคำถามว่าศิลาจารึกเป็นประกาศให้ใครอ่าน? ใครอ่านประกาศที่เป็นศิลาจารึก? ฯลฯ
คนทั่วไป เขียนไม่ได้ อ่านไม่ออก
คำตอบมีนานแล้วจากนักวิชาการ ว่าศิลาจารึกเป็นประกาศให้ผีกับเทวดารับรู้เรื่องราวที่ทำจารึกนั้น โดยไม่หวังให้คนอ่านทั่วไป พบทั่วไปในไทยและในอุษาคเนย์
ที่สำคัญต้องเข้าใจตรงกันก่อน คือ
- ศิลาจารึกตั้งอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระราชา เป็นเขตหวงห้าม สามัญชนเข้าถึงไม่ได้
- จารึกไม่เป็นศิลา มักสลักหรือเขียนไว้ในที่มิดชิด หรือซ่อนเร้นเป็นพิเศษ บางทีไม่มีใครรู้เห็นด้วยซ้ำ
- คนส่วนมากในรัฐจารีต อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าพระราชาทุกองค์จะอ่านออกเขียนได้
ข้อทักท้วงถกเถียงรายละเอียดมีอีกมาก ขอแนะนำให้อ่านข้อเขียนเรื่อง “ลายสือไท พ่อขุนรามคำแหง ประดิษฐ์ไว้ให้ใครอ่าน?” ของ ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ (ในสุดสัปดาห์ มติชน ฉบับ 13-19 มกราคม 2560 หน้า 74-75)
ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง มีพิรุธมากนับไม่ถ้วนว่าไม่ได้ทำสมัยพ่อขุนฯ มีคำอธิบายเป็นเล่มเพื่อชี้ข้อพิรุธทีละบรรทัด ในหนังสือ จารึกพ่อขุนรามคำแหง วรรณคดีประวัติศาสตร์การเมืองแห่งกรุงสยาม โดย ดร. พิริยะ ไกรฤกษ์ [อดีต ผอ. สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่สอง พ.ศ. 2547)]
อักษรไทยไม่มีใครประดิษฐ์? ถ้าถกเถียงกันได้ คุณภาพการศึกษาสูงขึ้น
“อักษรไทย คืออักษรเขมรหรือมอญที่ถูกทำให้ง่ายขึ้น (Simplified) เท่านั้น
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คืออักขรวิธี นับเป็นอักขรวิธีที่ง่ายที่สุดในบรรดาตัวอักษรที่ใช้กันอยู่ในอุษาคเนย์ภาคพื้นทวีปทั้งในช่วงนั้นและสืบมาจนทุกวันนี้
และตรงอักขรวิธีนี่แหละที่ทำให้ผมไม่เชื่อว่ามีบุคคลคนใดคนหนึ่ง ‘ประดิษฐ์’ ขึ้นได้ ต้องอาศัยความคุ้นชินของคนอื่นที่อ่านหนังสือออกเป็นฐาน”
นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนบอกเรื่องอักษรไทยและอักขรวิธีไทยในหนังสือ ความไม่ไทยของคนไทย (สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก 2559)
การศึกษาไทยไม่อนุญาตให้นักเรียนและครู ใช้ระบบคิดด้วยเหตุและผล ทักท้วงถกเถียงเรื่องความเป็นมาของอักษรไทยและอักขรวิธีไทย เพราะคำตอบมีทางเดียวเท่านั้นของทางการ สื่อไทยก็ถูกหล่อหลอมกล่อมเกลามาอย่างเดียวกัน
ใครไม่ตอบตามนั้นก็สอบไม่ผ่าน ถ้าใครไม่เชื่อตามนั้นจะถูกสื่อรุมประณามว่าไม่รักชาติ และอาจเข้าข่าย ม.112
ประวัติศาสตร์ คืออนาคต ถ้าเปิดกว้างให้นักเรียนและครูตลอดจนคนทั่วไปใช้ระบบคิดด้วยเหตุผล ทักท้วงถกเถียงประวัติศาสตร์ไทย ไม่ว่าเกี่ยวข้องกับสงครามหรือสังคม โอกาสที่การศึกษาคุณภาพสูงขึ้นก็มีมาก