‘สมชัย’ เผย กกต.มี 2 แนวทางปมว่าที่เลขาฯกกต. คาดมีความชัดเจน 24 ม.ค.นี้

‘สมชัย’เผย กกต.มี 2 แนวทางปมว่าที่เลขาฯกกต. คาดมีความชัดเจน 24 ม.ค.นี้

เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการ กกต. กล่าวว่า การประชุม กกต.วันที่ 24 มกราคม กกต.คงจะมีความชัดเจนต่อกรณีเรื่องร้องเรียนของนายอำพล วงศ์ศิริ ที่ กกต.มีมติให้ว่าจ้างดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต. ว่า กกต.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยส่วนตัวเห็นว่ามี 2 แนวทาง คือ 1.รอการวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ระบุว่าอาจใช้เวลา 2 เดือนจากนี้จึงจะมีความชัดเจนในเรื่องที่นายอำพลถูกร้องเรียน แต่มีข้อสังเกตว่านายอำพลถูกร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ตั้งแต่ปี 2556 แต่จนปัจจุบันเรื่องยังอยู่ในชั้นการแสวงหาข้อเท็จจริง ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนที่ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะเข้าที่ประชุม ป.ช.ช. แต่คาดว่าโดยกระบวนการทั้งหมดอาจต้องใช้เวลานานพอสมควร

นายสมชัยกล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางที่ 2.ถ้ามองว่า กกต.เป็นองค์กรที่มีมาตรฐานสูง การถูกร้องเรียนเพียงเท่านี้ หากให้มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต. จะเกิดความด่างพร้อยกับองค์กร กกต. ก็อาจจะมีมติไม่ทำสัญญาจ้าง และพิจารณาคัดเลือกเลขาธิการ กกต.ใหม่ จากผู้สมัคร 5 คน โดยไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์อีกรอบ แต่จะไม่ใช้การเลื่อนลำดับผู้ที่ได้คะแนนมาเป็นลำดับ 2 ต่อจากนายอำพลขึ้นมาเป็นเลขาฯกกต. ซึ่งหากใช้กระบวนการนี้ก็จะใช้เวลาเพียง 7-15 วัน ก็สามารถดำเนินการได้เสร็จ หรืออาจจะเลือกแนวทางการเปิดรับสมัครใหม่ ซึ่งก็จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม กกต.ว่าจะมีมติอย่างไร

นายสมชัยกล่าวอีกว่า ส่วนกรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปฏิเสธที่จะส่งกรรมการมาร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบจริยธรรม นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ ว่าแนวทางการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมนายธีรวัฒน์มี 2 แนวทาง แนวทางที่ 1 คือ ได้กรรมการจากองค์กรอิสระที่ตอบรับแล้ว 1 คนนั้น มาทำหน้าที่เป็นประธาน และกรรมการนั้นอาจจะมาจากการทาบทามคนอื่นที่มีระดับต่ำกว่า อันนี้ก็สามารถดำเนินการได้ เพราะมีข้อกำหนดเพียงว่าคนที่เป็นประธานจะต้องเท่ากันหรือสูงกว่า ซึ่งหากเป็นไปตามแนวทางนี้คงไม่ทาบทามกรรมการองค์กรอิสระอื่นอีกแล้ว แต่ใช้กรรมการองค์กรอิสระเท่าที่ตอบกลับมา และแนวทางที่ 2 คือ หากเห็นว่ายังมีความจำเป็นจะต้องมีองค์กรกรรมการที่เข้มข้น ก็ต้องไปพิจารณาจากองค์กรอิสระอื่นที่เหลือที่ยังไม่มีการทาบทาม ซึ่งขณะนี้คาดว่าจะมีเพียงแค่ 2 องค์กรคือ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินจะเข้ามาร่วมไม่ได้ เพราะเป็นโจทย์ ถือเป็นต้นทาง ส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ปฏิเสธแล้ว และเป็นปลายทางที่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เสีย ดังนั้นก็ต้องเอาองค์กรอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับต้นทางปลายทาง ก็เหลือแค่ 2 องค์กร

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image