ลุยเมืองลอดช่อง-ปราบพยศ “ปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์”

ฉลองในวาระครบรอบ 20 ปี ของการทำตลาดของรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางอย่างรุ่นบ็อกซ์เตอร์ (Boxster) ด้วยการเปลี่ยนชื่อใหม่กับการเติมคำว่า 718 เข้าไป สำหรับรถสปอร์ตโก้หรู ปอร์เช่ (Porsche) เมื่อปลายปี 2559

ทางปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จึงจัดกิจกรรม รีจินัล มีเดีย ไดรฟ์ เดอะ นิว 718 บ็อกซ์เตอร์ เอส (Regional Media Drive The new 718 Boxster S) หรือกิจกรรมปราบพยศสุดยอดรถสปอร์ตแถวหน้าของโลกยานยนต์ ณ ประเทศสิงคโปร์

ทางผู้จัดงานเปิดโอกาสให้คณะนักข่าวทดลองขับรถสปอร์ตคันโก้ ปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์ (Porsche 718 Boxster) โดยมีผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานและสมรรถนะ พร้อมทั้งแจ้งเตือนถึงพื้นที่จำกัดความเร็วทั่วทั้งเกาะสิงคโปร์

สำหรับประเทศสิงคโปร์ บางจุดบางตำแหน่งนั้นมีการจำกัดความเร็วตามกฎหมายแตกต่างกันออกไป เริ่มตั้งแต่จำกัดความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเขตชั้นนอก ความเร็วไม่เกิน 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในบางจุดที่มีสภาพการจราจรและผู้คนไม่หนาแน่น และความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเขตเมืองชั้นใน รวมทั้งแจ้งเตือนให้ระวังป้ายเตือนจำกัดความเร็ว สปีด คาเมร่า อะเฮด (Speed Camera Ahead) เนื่องจากประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความเข้มงวดเรื่องของกฎหมายด้านการจราจรมาก จึงน้อยครั้งที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ทำให้เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยติดอันดับต้นๆ ของโลก

Advertisement

การขับทดสอบรถ ปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์ กำหนดให้ทดลองขับรถจำนวน 9 จุดด้วยกัน รวมระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร ทั้งย่านคนเมืองและรอบนอกเกาะสิงคโปร์ เพื่อให้ทราบถึงศักยภาพและเข้าถึงอารมณ์การควบปอร์เช่

ปอร์เช่2

ส่วนสาเหตุที่เลือกประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศ ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรอยู่ทางทิศใต้ของประเทศไทยต่อจากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดพื้นที่และจำนวนประชากรน้อยที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และไม่ได้เป็นเกาะเพียงเกาะเดียว แต่ประกอบด้วยเกาะหลักหนึ่งเกาะ และเกาะขนาดเล็กล้อมรอบอีก 63 เกาะเป็นเส้นทางผ่านของการเดินเรือที่มาจากอินเดีย จะผ่านไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ญี่ปุ่น และประเทศต่างๆ ในยุโรป ดังนั้น สิงคโปร์จึงเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น การทดลองขับรถที่ประเทศสิงคโปร์จึงมีข้อจำกัดทั้งในเรื่องของความเร็วและทางที่เป็นเนินเขา สามารถดึงศักยภาพของรถได้อย่างดีในหลายๆ พื้นที่

Advertisement

หลังจากได้สัมผัส ปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์ สิ่งแรกที่น่าชื่นชมคือ เสียงจากปลายท่อไอเสียที่ไม่รำคาญหูเหมือนรถแต่งซิ่งท่อดังทั่วไป ห้องโดยสารทันสมัย โดยเฉพาะระบบเครื่องเสียงชั้นยอดมีให้รื่นรมย์ตลอดการเดินทาง มีระบบแจ้งเตือนข้อมูลการขับขี่ละเอียดยิบ แสดงออกถึงความหรูหรามีระดับสุดขั้ว

จากรูปแบบพวงมาลัย 3 ก้าน ใหม่ เพิ่มปุ่มวงกลมสำหรับปรับโหมดการขับขี่ได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและรับโทรศัพท์ เบาะแบบสปอร์ตทำให้เวลานั่งลงบนเบาะนั่ง ให้ความรู้สึกถึงการโอบรอบกระชับและปลอดภัย

ปอร์เช่3

แม้ว่าปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์ จะเป็นรถที่มีแนวหลังคาค่อนข้างต่ำจากการออกแบบให้ลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ และมีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการปิดเปิด ทำให้พื้นที่เหนือศีรษะมีไม่มากเท่าที่ควร แต่พื้นที่ในการวางเท้านั้นมีมากพอสมควร เพื่อจะได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ การเร่งออกตัวนิ่มสบายสไตล์รถหรูไม่กระชากหรือกระโชกโฮกฮากให้เสียลุครถสปอร์ตหรูระดับแถวหน้าของโลก

สมรรถนะในการเข้าโค้งหรือขับในเส้นทางคดเคี้ยว การเกาะถนนทำได้อย่างดีเยี่ยม ช่วงล่างปรับความหนืดให้เหมาะกับสภาพการขับได้ เครื่องยนต์บ็อกซ์เตอร์เทอร์โบ 300 แรงม้า ตอบสนองได้อย่างฉับไว เร่งสะใจ ตลอดจนการเปลี่ยนเกียร์มีความไหลลื่นไม่สะดุด ฟังก์ชั่นต่างใช้งานได้ง่ายผู้หญิงสามารถขับได้อย่างสบาย

นอกจากนี้จอในการตั้งค่าแผนที่ในการเดินทางแต่ละจุด แสดงผลระยะทางและเส้นทางในการเดินทางได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ สำหรับความเร็วที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้อยู่ที่ที่ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผ่านเส้นทางทั้งในเมืองและนอกเมืองที่มีสภาพการจราจรแบบผสม ใช้เวลาขับขี่ทั้ง 9 จุดรวมเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และนำพาคณะสื่อมวลชนถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ก่อนกลับมายังที่พัก

สำหรับตัวรถ ปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์ ถูกออกแบบให้สวยงามสมกับเป็นสุดยอดโรดสเตอร์ ทุกจุดของตัวรถผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีต ตำแหน่งอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ ถูกย่อส่วนไว้บนพวงมาลัยเพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้รถ

ปอร์เช่4

รถรุ่นนี้จุดเด่นเป็นหลังคาผ้าใบสามารถเปิดประทุนได้ทันทีด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิดปิดได้อย่างรวดเร็วเพื่อออกโชว์หน้าตาหรือรับอากาศ ส่วนด้านหน้ารถยังคงจุดเด่นไว้เช่นเดิมหน้าคือ กบยุโรป ไฟหน้าเป็นโปรเจ็กเตอร์ออกแบบให้รับกับแก้มหน้าทั้ง 2 ข้างดูลงตัว

ที่สำคัญฝากระโปรงหน้ายังดูมีมิติใหญ่กว่าเดิม เนื่องจากมีการออกแบบให้ผู้ซื้อสามารถขนสัมภาระได้มากขึ้น ด้านท้ายรถไฟท้ายใหม่ใช้หลอด LED แบบ 3 มิติ คาดกลางด้วยช่องเว้าลึกเข้าไปใต้ฝากระโปรงโดยมีตัวอักษร Porsche ลอยเด่นชัดๆ ด้านข้างของตัวรถมีตัวดักอากาศให้เข้าไปในห้องเครื่องเพื่อระบายความร้อนได้ดีหรือให้มวลอากาศเข้าห้องเครื่องได้ง่ายขึ้นอีก เป็นหลักกลศาสตร์เพื่อให้รถสามารถทรงตัวได้ดีขึ้นเมื่อรถทำความเร็วสูง

ภายในห้องโดยสาร มีกลิ่นอายของรถแบบยุโรป ใส่ใจรายละเอียด ตั้งแต่เบาะคนขับปรับแบบไฟฟ้าไม่เตี้ยจนเกินไป คนตัวเล็กตัวใหญ่สามารถขับขี่ได้อย่างลงตัว พวงมาลัยแบบ 3 ก้านมีโลโก้ยี่ห้อ Porsche อยู่ตรงกลางสร้างมนต์เสน่ห์ให้ชวนหลงใหล พวงมาลัยยังมีปุ่มสามารถกดไปยังจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว เพื่อปรับแต่งเสียงเพลงหรือปรับค่า GPS ในรถ ด้านหลังพวงมาลัยมีแป้นเกียร์แพดเดิลชิฟท์ เพื่อตอบสนองความแรงหรือใส่เกียร์ต่ำ เพื่อให้เครื่องยนต์ช่วยเบรก ขณะที่โซนกลางยังดูดีไม่ใหญ่จนเกินไป

เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบเรียงนอน 2000 ซีซี พร้อมกับติดตั้งระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ สามารถปั่นพลังแรงม้าออกมาได้ถึง 300 แรงม้า หรือ 220 กิโลวัตต์ ส่วนปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์ เอส เครื่องยนต์ 2500 ซีซี พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้กำลังแรงม้าถึง 350 แรงม้า หรือ 257 กิโลวัตต์

ระบบส่งกำลังใช้เกียรเดินหน้า PDK คลัชท์คู่ 7 จังหวะ ช่วงล่างล้อมาตรฐานของปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์ เอส ขนาดใหญ่ถึง 19 นิ้ว หากไม่พอใจสามารถสั่งเปลี่ยนเป็นขนาด 20 นิ้วได้

หลังการทดสอบเมื่อกดคันเร่ง พบว่าอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาเพียงแค่ 4.7 วินาที หลังติดเบาะกันเลยทีเดียว ช่วงล่างนิ่มนวล รวมทั้งช่วงความเร็วปลายยังสามารถตอบสนองได้ดี เนื่องจากมีการออกแบบให้เตี้ยลง 30 มม.

โดยรวมปอร์เช่ 718 บ็อกซ์เตอร์ เป็นรถเล็กเปิดประทุนทรงเสน่ห์ แรงม้าสูง สามารถขับขี่ได้ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด ส่วนราคาถึงว่าคุ้มค่าสำหรับราคาเริ่มต้น 718 บ็อกซ์เตอร์ อยู่ที่ 53,646 ยูโร หรือประมาณ 2.09 ล้าน บาท ส่วนราคาเริ่มต้นของ 718 บ็อกซ์เตอร์ เอส อยู่ที่ 66,141 ยูโร หรือประมาณ 2.58 ล้านบาท

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image