เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 21 มกราคม ที่สถานีโทรทัศน์พีชทีวี นายโคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวผ่านเวทีทัศน์เรื่อง”ปรองดอง” ที่จัดโดยสถานนีโทรทัศน์พีชทีวี ร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โดยมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษานปช. และสมาชิกนปช.ร่วมกิจกรรม ตอนหนึ่งว่า การปรองดองจะต้องพูดคุยเรื่องการเมือง เพราะเราทะเลาะกันมา10 ปี เป็นเรื่องการเมือง ดังนั้นจะต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนทั้งระดับรากหญ้า ระดับชนชั้นกลางที่รวมตัวกันเป็นภาคประชาสังคม ได้แสดงความคิดเห็น มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการขับเคลื่อนการปฎิรูปจึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ในระบบปกติ เพราะเมื่อมีปัญหาเรื่องการเมืองเราก็ต้องแก้ด้วยการเมืองไม่ใช่ใช้การยึดอำนาจ ทั้งนี้ในเรื่องของการปรองดองเป็นเรื่องของการยินยอมพร้อมใจและต้องเข้าใจตัวเอง จึงต้องใช้การสานเสวนา เป็นแนวคิดหลักในเรื่องนี้ ด้วยการพูดคุย รับฟัง ไม่มีการผูกขาดใดๆ
นายโคทม กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการปรองดองต้องเริ่มต้นด้วยความอ่อนน้อม ถ่อมตน มีขันติในการรับฟังคนอื่น เพราะต้นเหตุของความขัดแย้ง มี 3 อย่างคือ 1.ทัศนคติ ความเชื่อ เป็นเรื่องของอุดมการณ์และมุมมองของแต่ละคน 2.การกระทำก่อนหน้านี้นปช.จัดตั้งโรงเรียนเสื้อแดง วันนี้ก็ควรเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนปรองดองบนลานเสวนา 3.ประเด็นเนื้อหาต่างๆทางการเมืองอย่าไปสร้างกระบวนการวาทกรรมที่ให้สังคมคล้อยตาม เช่นวาทกรรมคำว่า “ประชาธิปไตย” มาสร้างความขัดแย้ง อย่างไรก็ตามควรมีการนำเรื่องภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มาศึกษาด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ไม่เช่นนั้นเหตุใด กปปส.ถึงมีคนภาคใต้มาก ขณะที่นปช.เป็นคนอีสานเสียส่วนใหญ่
นายโคทม กล่าวต่อว่า สำหรับทางออกเรื่องการปรองดอง ปัจจุบันที่ควรทำคืออย่าเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้ง ควรเปิดเสรีแสดงความคิดเห็นให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงนี้ใครออกมาแสดงความเห็นก็อย่าไปปิดปาก รวมไปถึงควรมีการวางแผน สร้างกลไกปรองดอง เช่น เปิดเวทีเสวนา ส่วนมองอนาคต เราควรเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งที่เสรี เที่ยงธรรม แล้วนำไปสู่การตั้งรัฐบาลที่สุจริต เที่ยงธรรม สำหรับข้อเสนอแนะในการปรองดอง มี 3 ข้อ 1.นำผู้ที่ขัดแย้งมาร่วมสานเสวนาระดับชาติ คุยโต๊ะกลม แลกเปลี่ยนความเห็น 1-2 สัปดาห์ ให้เกิดข้อตกลงที่จะสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหา 2.สร้างประชาธิปไตยระดับรากหญ้าให้แข็งแรง 3.สร้างสัมพันธ์ข้ามความคิดที่แตกต่างกันทางการเมือง หรือที่เรียกว่าฟื้นความเป็นเพื่อน เพื่อสร้างความปรองดองในชนชั้นกลาง ส่วนที่นายจตุพร ถามตนว่าคสช.จะซื้อหวยเรื่องปรองดองถูกหรือไม่ ขอตอบว่าคงจะถูกหวย แต่คงไม่ใช่รางวัลที่ 1
นายจตุพร กล่าวว่า มองว่าคำว่าปรองดองสมานฉันท์ ของคสช.ก็เหมือนกับการซื้อหวยว่าจะถูกหรือไม่ ที่ผานมาเราได้เห็นคณะกรรมการปรองดองมาหลายชุด แต่ผู้มีอำนาจในทุกสมัยก็ไม่เคยนำผลการศึกษาของคณะกรรมการปรองดองฯ มาปฏิบัติสักครั้งเดียว ดั้งนั้นเราไม่ต้องเสียเวลาหาคณะกรรมการที่เป็นกลางอีกแล้ว แต่การทำเรื่องปรองดองครั้งนี้ ตนคิดว่าก็น่าจะลองนำคณะกรรมการที่ไม่เป็นกลางเข้ามาดำเนินการบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร เผื่อจะเกิดความปรองดองขึ้นมาได้ หลายฝ่ายมองว่า นปช.ยอมรับทุกเงื่อนไข ทั้งเอ็มโอยู มาร่วมปรองดอง แต่ตนมองว่าการจะเอ็มโอยู สาระสำคัญอยู่ที่ตัวหนังสือว่าแต่ละฝ่ายจะยอมรับกันได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งเรื่องความยุติธรรมความเสมอภาค การยอมรับในกติกาว่าหากมีการเลือกตั้งก็จะไม่ขัดขวางและยอมรับผลการเลือกตั้ง หากไม่ยึดหลักการนี้การจะลงเอ็มโอยูก็จะไม่มีความหมาย
ทั้งนี้เชื่อว่าข้อเสนอต่างๆ ของคณะกรรมการป.ย.ป. และคณะกรรมการปรองดองฯในครั้งนี้ คงไม่แตกต่างจากคณะกรรมการปรองดองในอดีต แต่สิ่งสำคัญคือนำผลการศึกษาเหล่านั้นมาลงมือทำจากผู้มีอำนาจ หากผู้มีอำนาจในครั้งนี้จะใช้วิธีเชิญทุกกลุ่มมาคุยกันแล้วก็จบไป ไม่นำไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างแท้จริง การปรองดองก็จะไม่เกิด ตนหวังว่าการซื้อหวยเรื่องปรองดองของคสช.ครั้งนี้น่าจะถูกบ้าง เหมือนในปี 2523 หวยออก 66 คือนโยบาย 66/2523 ก็สามารถแก้ไขความขัดแย้งของคนในชาติได้มาแล้ว หวังว่าในสมัยของคสช.มีเลข 44 อยู่ คือ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แต่ไม่รู้ว่าจะถูกหรือไม่ต้องของถามนายโคทม
นายจตุพร กล่าวอีกว่า การปรองดองในครั้งที่ผานมาก็มีหลากหลายพิธีกรรม ที่ปรองดองไม่ได้ ไม่ใช่เกี่ยวกับเงื่อนไขของฝ่ายใดเลย เขาก็ตั้งสมมติฐานไว้ที่ปรองดองจากฝ่ายการเมือง หลักของประชาธิปไตยต้องอยู่ร่วมกันได้แม้จะมีความเห็นแตกต่าง เวทีสานเสวนาการปรองดองในลักษณะแบบนี้ หากเป็นไปได้ในการจัดเวทีเสวนาในครั้งหน้า อยากจะเชิญคณะกรรมการป.ย.ป.มาร่วมแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกันได้ เหมือนกับตนก็พร้อมจะไปให้ความคิดเห็นกับเวทีของป.ย.ป.ด้วยเหมือนกัน อยากให้แต่ละฝ่ายจัดเวทีในลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นกปปส.ก็สามารถจัดเวที เพื่อช่วยกันหาทางออกในเรื่องความปรองดองของประเทศไทย
