เมื่อวันที่ 22 มกราคม บรรยากาศการเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นวันที่ 81 สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะ ตั้งแต่เวลา 04.45 น. จากปกติเปิดเวลา 08.00 น. แม้ว่าจะผ่านมากว่า 100 วันแล้ว แต่ประชาชนทุกวัยจากทั่วทุกสารทิศ ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ยังเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่องและแม้ต้องต่อแถวท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว แต่ละคนก็ไม่ย่อท้อแต่อย่างใด
นางชิด ศรีมหาดไท อายุ 84 ปี ชาวอ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันย้ายมาอาศัยอยู่ที่ย่านทวีวัฒนา กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ได้รวมตัวกับเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันอีก 2 คน เดินทางโดยรถแท็กซี่ออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 05.00 น. และได้เข้ากราบสักการะบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลาประมาณ 10.00 น. แม้ว่าตนเองจะปวดขาและนั่งนานไม่ได้ แต่ไม่ได้คิดว่าเป็นอุปสรรคหรือเหนื่อยล้าแต่อย่างใด เพราะตั้งใจอยากจะมากราบสักการะพระบรมศพสักครั้งในชีวิต เหมือนอย่างที่พระองค์ท่านได้เคยเสด็จฯไปพระราชสักการะพระบรมธาตุไชยา พร้อมเยี่ยมเยือนประชาชนใน จ. สุราษฎร์ธานี ขณะที่กราบสักการะพระบรมศพได้อฐิษฐานให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยและคอยดูแลให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
“เห็นพระองค์มาตั้งแต่เด็กๆ รักพระองค์มากที่สุดในชีวิต จึงอยากมาหา แม้ว่าพระองค์เสด็จสวรรคตมากกว่า 100 วันไปแล้ว ยังรู้สึกว่าเร็วเกินไป อยากให้พระองค์อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน เพราะพระองค์ท่านทั้งจิตใจดีและปฏิบัติตนดี เสด็จฯไปทั่วทุกที่ในแผ่นดินไทย ประชาชนอยู่ที่ไหนก็เสด็จฯไปที่นั่น ซาบซึ้งในพระมาหากรุณาธิคุณของพระองค์มาก ครั้งหนึ่งตนได้เคยรับเสด็จและชื่นชมพระบารมีของพระองค์ แม้ว่าจะยังเด็กแต่ก็เป็นเรื่องที่จำขึ้นใจไม่มีวันลืม” นางชิดกล่าว
ขณะที่เพื่อนบ้านที่เดินทางมาพร้อมกัน นางเจียน กาญจนจิตติ อายุ 75 ปี ชาวกรุงเทพฯ กล่าวว่า ตนรักพระองค์มากจนไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ที่ผ่านมาตลอด 70 ปีที่พระองค์ท่านครองราชย์ ได้ทรงงานหนักเพื่อประชาชน ทั้งการพัฒนาด้านการเกษตร แก้ไขปัญหาน้ำท่วม และยังมีโครงการฝนหลวงบรรเทาความแห้งแล้ง เมื่อขึ้นกราบสักการะได้ระลึกถึงพระองค์ แม้ว่าจะเสียใจที่พระองค์เสด็จสวรรคต แต่ครั้งนี้พระองค์ได้พักผ่อนอย่างแท้จริงแล้ว
ด้าน นางอรุณ ถึกสูงเนิน อายุ 79 ปี ชาวอ.ขามทะเลสอ จ. นครราชสีมา กล่าวว่า ได้เดินทางพร้อมกับญาติรวม 13 คน มาโดยรถตู้ ออกจากบ้านตั้งแต่ 02.00 น. ก่อนจะเดินทางถึงบริเวณท้องสนามหลวง เพื่อต่อแถวเข้าสักการะพระบรมศพ และได้เข้ากราบสักการะเวลา 11.00 น. อยากกจะกราบพระองค์ เพราะคิดถึงพระองค์มาก ที่ได้มาครั้งนี้การเดินทางราบรื่น ถือเป็นทั้งบุญของตนเองมาก จะต้องรอนานแค่ไหนก็ไม่เหนื่อยล้า ตนเองยังได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อใช้ในพระราชพิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ และยังอฐิษฐานให้พระองค์ดูแลประชาชนชาวไทยให้อยู่เย็นเป็นสุข
