กรมปศุสัตว์ ยืนยันฟาร์มมาตรฐานไม่มีการลั กลอบใช้ยาปฏิชีวนะเกินกำหนด ย้ำผลิตเนื้อสัตว์ปลอดภัย100% เตือนเกษตรกรลักลอบใช้ยาเถื่ อนมีความผิดทั้งจำทั้งปรับ
นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์ดำเนินการควบคุม ตรวจสอบ และเฝ้าระวังยาหรือสารตกค้ างในเนื้อสัตว์อย่างเข้มงวดที่ สอดคล้องกับมาตรฐานโลก โดยกรมปศุสัตว์ ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุ ขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินแนวทางการควบคุมยาสัตว์ ในกระบวนการผลิตสินค้าปศุสัตว์ และกำหนดแผนยุทธศาสตร์การจั ดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชี พประเทศไทย พ.ศ.2560–2564 เพื่อป้องกันและควบคุมเชื้อดื้ อยา และกำกับดูแลการใช้ยาปฏิชี วนะในภาคปศุสัตว์อย่างเหมาะสม ที่สำคัญยังเดินหน้าควบคุมและติ ดตามการใช้ยาสัตว์ในฟาร์มที่ได้ รับการรับรองมาตรฐานฟาร์ มจากกรมปศุสัตว์ 10,000 แห่งทั่วประเทศ อย่างเข้มงวด ทั้งเรื่องวิธีการใช้ยา คุณภาพของยาสัตว์ และตรวจสอบการตกค้างของยาทั้งก่ อนและหลังการเชือดชำแหละ ดังนั้นผู้บริโภคควรเลือกซื้อสิ นค้าปศุสัตว์ที่มาจากฟาร์ มมาตรฐานฯ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รั บเนื้อสัตว์ที่ปลอดภัยจากยาปฏิ ชีวนะและสารตกค้างแน่นอน
ขณะเดียวกันได้เร่งปราบปรามฟาร์ มเลี้ยงสัตว์ที่ลักลอบใช้ยาเถื อน-ใช้เกินขนาด ตลอดจนผู้ประกอบการนำเข้า ผลิต หรือขายผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารสั ตว์และยารักษาสัตว์โดยไม่ได้รั บอนุญาต ที่เป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐานหรื อสินค้าเลียนแบบที่ส่งผลเสียด้ านสุขภาพต่อสัตว์โดยตรง ซึ่งผิดกฎหมายตามมาตรา 12 แห่ง พรบ.ยา พศ.2510 ฐานขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รั บอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 10,000 บาท และมาตรา72(4) ขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรั บยา ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ที่ผ่านมาชุดเฉพาะกิจกรมปศุสั ตว์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการลั กลอบผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ และยาสัตว์เถื่อนอย่างต่อเนื่อง ขอเตือนผู้ลักลอบให้หยุ ดการกระทำดังกล่าวเพื่อประโยชน์ ของผู้บริโภค และขอแนะนำให้ผู้บริโภคเลือกซื้ อเนื้อสัตว์จากฟาร์มมาตรฐานกรมฯ ที่มั่นใจในความปลอดภัยได้ 100%” น.สพ.อภัย กล่าว
ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์การจัดการเชื้อดื้ อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ.2560–2564 มีเป้าหมายให้ ประเทศไทยสามารถลดอัตราการป่ วยจากเชื้อดื้อยาลง ร้อยละ 50, มีปริมาณการใช้ยาต้านจุลชี พสำหรับมนุษย์ลดลง ร้อยละ 20, ปริมาณการใช้ยาต้านจุลชีพสำหรั บสัตว์ลดลง ร้อยละ 30, ประชาชนมีความรอบรู้เรื่องเชื้ อดื้อยาและมีความสามารถในการใช้ ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม ในระดับดีมากเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 และระบบจัดการการดื้อยาต้านจุ ลชีพมีสมรรถนะตามเกณฑ์สากล ไม่ต่ำกว่าระดับ 4