บิ๊กตู่ เบรก66/23 ชี้ คนละเรื่องกับปัจจุบัน จวก ใครไม่ร่วม ถือว่าไม่เห็นประเทศในสายตา

“บิ๊กตู่” เบรก 66/23 ชี้ คนละกรณีกับปัจจุบัน ลั่น พรรคการเมืองไหน ไม่ร่วมเวทีปรองดองแสดงว่าไม่เห็นประเทศในสายตา เผย “อำพน” นั่ง ผอ.พีเอ็มดียู

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการสร้างกระบวนการปรองดอง และหากมีพรรคการเมืองใหญ่ ไม่เข้าร่วมในการกระบวนการว่า ช่วยอะไรไม่ได้ รัฐบาลให้ทุกคนมีโอกาสเข้ามาพูดจาในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศ และหากไม่พูดก็แสดงว่า ไม่ได้มองประเทศอยู่ในสายตา ไม่มองว่าเราจะเดินหน้าประเทศกันอย่างไร จะเดินยุทธศาสตร์ชาติอย่างไร จะพัฒนาแก้ไขเศรษฐกิจให้ทันต่อสถานการณ์โลก ถ้าเขาไม่พูดเรื่องเหล่านี้ แล้วเขาจะเข้ามาเป็นรัฐบาลกันได้หรือในวันข้างหน้า ขอร้องว่าอย่าให้ต้องคิดกันแบบนี้ ผมขอบคุณอีกหลาย ๆ พรรคที่ยินดีจะเข้ามาโดยไม่มีการกล่าวอ้างเรื่องส่วนตัวเลย อยากจะเข้ามาเพื่อพูดหรือหารือว่าจะดูแลกันอย่างไร ถ้าหารือกันไม่ได้แล้วบอกว่าไม่เห็นด้วย เรื่องนี้สังคมก็ต้องไปตัดสินกันเอาเอง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงข้อเสนอที่ให้นำเอาสูตรการปรองดองของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ 66/23 มาใช้ว่า อยากให้ทุกคนกลับไปทบทวนให้ดี เพราะสูตรดังกล่าวเป็นคนละกรณีกันครั้งนี้เป็นเรื่องการต่อสู้กัน ซึ่งมีทั้งการใช้กำลัง การใช้อาวุธสงคราม แบ่งฝ่ายต่อสู้กันซึ่งเป็นคนละเรื่อง วันนี้เราไม่ได้แบ่งแบบนั้น สูตร 66/23 เป็นการนำคนกลับเข้ามาเพื่อเป็นกลุ่มพัฒนาชาติไทย แต่กรณีปัจจุบันมันเป็นคนละอย่าง และไม่ได้แบ่งกันเป็นคนละลัทธิ วันนี้อยู่ที่การจะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้อย่างไร ด้วยกลไกปกติซึ่งมันต้องมีวิธีการ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการทาบทามนายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ว่า เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการหาบุคลากรต่าง ๆ เข้ามาทำงาน ขอชี้แจงว่าสิ่งที่คณะกรรมการทั้งหมดจะมาทำงานโดยเฉพาะคณะกรรมการด้านการปรองดอง ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มการทำงานนั้น ตนได้มอบหมายให้เอามาศึกษาทั้งหมดแล้ว สิ่งไหนที่ตรงกัน ทำได้มากน้อยแค่ไหนก็ว่ากันมา อะไรที่ไม่ตรงกันก็รับทราบไว้เฉย ๆ แล้วค่อยไปหาทางออกกันอีกครั้ง ทุกอย่างต้องทำงานอย่างมีพื้นฐานไม่ใช่ไปคิดเองทั้งหมด ทั้งนี้ขอยืนยันว่าอะไรที่เป็นเรื่องของกฎหมายก็ให้กฎหมายดำเนินการไป กระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว ทั้งศาล อัยการ ความผิดต่าง ๆ ก็เข้าสู่กระบวนการชั้นศาล และกระบวนการยุติธรรม เว้นแต่จะมีใครบางคนไม่ยอมเข้า ซึ่งถ้าไม่เข้าเราก็พูดกันไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเข้ามาตามกระบวนการทุก ๆ ปี ก็จะมีการลดโทษอยู่แล้วอย่ามาทำให้กระบวนการเสียหาย ในการกล่าวอ้างที่ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมตนว่ามันไม่ใช่ เพราะที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ขึ้นมาแล้วนำทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่ผิดหรือมีปัญหาแล้วจะตัดสินออกมาได้อย่างไรว่าผิดหรือถูก ถ้าเป็นเช่นนั้นกระบวนการศาลก็ใช้ไม่ได้ทั้งหมด แล้วที่ตัดสินมาเป็นพัน เป็นหมื่นคดี ก็ศาลเดียวกันทั้งนั้น ท้ายที่สุดก็ขอให้เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม ให้เขาตัดสินตามกระบวนหลักฐานที่มีอยู่

Advertisement

นายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสรรหา และแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ย.ป. ว่า ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย แต่ก็ยังมีเวลา เพราะให้เวลาถึงสิ้นเดือนนี้ และหากมีการลงนามแต่งตั้งแล้วก็จะเริ่มทำงานในส่วนของสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (พีเอ็มดียู) เป็นคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนก็ต้องมีคณะทำงานเพื่อไปขับเคลื่อน โดยได้เชิญนายอำพน กิติอำพน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการพีเอ็มดียู ซึ่งเจ้าตัวก็รับปากแล้วว่าจะมาช่วยงานดังกล่าว ตนเห็นว่านายอำพน เป็นผู้ที่รู้งานมาโดยตลอด รู้ถึงปัญหา และอยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว จะได้รู้ว่าวันนี้เราจะขับเคลื่อนประเทศกันอย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image