เตือน”คนอ้วน-ลงพุง” ระวัง…ภัยเงียบ สมองเสื่อม

ยุคนี้คนในสังคมเริ่มหันมาดูแลสุขภาพเป็นจริงเป็นจัง อาหารเสริมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คนในเมืองเอาใจใส่เริ่มออกกำลังกาย เข้าฟิตเนต เทรนด์ใหม่ที่ผู้ชายไทยต้องมีกล้าม แต่ต้องไม่ลืมว่าคนอีกส่วนหนึ่งที่ละเลยการดูแลสุขภาพ กลายเป็นคนอ้วน ลงพุง เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ที่จะเข้ามาถามหา

“มติชน” มีโอกาสพูดคุยกับ ดร.ทพญ.สิริพร ฉัตรทิพากร ผู้เชี่ยวชาญของหน่วยวิจัยทางระบบประสาท ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสาขาโรคทางไฟฟ้าของหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)

“ดร.ทพญ.สิริพร” บอกว่า สนใจเรื่องภาวะอ้วนที่มีผลต่อสมอง เพราะที่ผ่านมามีแต่การวิจัยเรื่องภาวะอ้วนมีผลต่อหัวใจอย่างไร และปัจจุบันภาวะอ้วนเพิ่มขึ้นทั่วโลก ในฝั่งตะวันตก 50% ของประชากรเป็นคนอ้วนกันหมด ในประเทศไทยก็เริ่มเพิ่มแล้วโดยปีที่แล้วเราพบว่ามีคนอ้วนในบ้านเราแล้ว 30% ซึ่งก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน หัวใจ และหลอดเลือด และมีการศึกษาพบว่ามีผลต่อสมองด้วย

เราจึงมาศึกษาว่ามีผลอย่างไร ทำให้ความจำการเรียนรู้ของเราลดลงหรือเปล่า จึงเป็นจุดสนใจที่จะศึกษาว่ามีผลและกลไกอะไรที่ทำให้สูญเสียการทำงานของสมองไป

Advertisement

สำหรับประชากรของไทยพบว่าเริ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยังไม่มีตัวเลขที่แน่นอน ล่าสุดในปี 2555 พบว่า ประชากรไทย 30% เริ่มอ้วนมากขึ้น ทำให้คิดว่าในอนาคตเราจะเข้าสู่ประชาชนสูงอายุและมีภาวะอ้วนเพิ่มขึ้น ยิ่งจะทำให้เกิดโรคมากขึ้นหรือเปล่า ผลที่ตามมาคือเริ่มมีอาการสมองเสื่อม ทำให้การทำงานได้น้อยลง ส่งผลเสียต่อสังคม เศรษฐกิจ ต้องมาทำการรักษา ก็ต้องสูญเสียเงินมากขึ้นไปอีก

การอ้วนส่งผลต่อสมองอย่างไร?

จากการทดลองในสัตว์ทดลองเลี้ยงที่เราทำ พบว่า ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย สมองปกติที่จะแยกออกมาจากส่วนอื่นๆ ของร่างกาย กลับพบว่าเริ่มมีการอักเสบมากขึ้น และจะไปกระตุ้นการทำงานของไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็นออร์แกแนลที่อยู่ในเซลล์สมองเริ่มทำงานผิดปกติ ทำให้การสื่อประสาทผิดปกติ ส่งผลให้เรียนรู้และความจำลดลง และหากอ้วนต่อไปนานๆ ก็จะเริ่มมีภาวะสมองเสื่อม หรือคล้ายๆ อัลไซเมอร์เกิดขึ้น

การอ้วนนานในภาวะที่เรียกว่า อ้วนลงพุง อ้วนเฉพาะเอว คือ มีไขมันตรงหน้าท้องเยอะขึ้น จะส่งผลให้เกิดความเสื่อมของสมองเกิดขึ้น

การรักษาในสัตว์ทดลองของเรา วิธีที่หนึ่ง คือ พยายามลดความอ้วน ทำให้ผอมลง คือเปลี่ยนอาหารจากที่มีไขมันสูงมาเป็นไขมันปกติ ลดความอ้วนแล้วดีขึ้นทุกอย่างในร่างกาย ยกเว้นสมอง เพราะสมองที่เสื่อมแล้ว ยากที่จะรักษาให้กลับมาเป็นปกติโดยการทำให้ผอมลง

ส่วนวิธีที่สอง คือ ลองใช้ยาต้านเบาหวาน ซึ่งปกติให้ในคนที่เป็นเบาหวาน แต่ภาวะอ้วนลงพุงเป็นภาวะก่อนเบาหวาน คือน้ำตาลยังไม่ขึ้น แต่การทำงานของตัวหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเริ่มสูญเสียไป พอเราให้ยาต้านเบาหวานพบว่าสามารถช่วยได้คือนอกจากจะช่วยภาวะอ้วนลงพุงแล้วยังช่วยเรื่องภาวะสมองเสื่อมได้ด้วย จึงดูเหมือนว่าการรักษานอกจากจะต้องทำให้ผอมลงแล้ว อาจยังต้องให้ยาเสริมเข้าไปจึงจะทำได้ผลดีที่สุดต่อสมอง

เราทดลองทั้งในเพศหญิงและชาย ถ้าอ้วนและยังมีฮอร์โมนเพศอยู่ ใช้ยาได้ผลเหมือนกันหมด และความเสื่อมก็ใกล้เคียงกัน แต่จะต่างกันที่พอเข้าวัยทอง ทั้งชายและหญิงสมองก็เริ่มเสื่อมอยู่แล้ว พออ้วนเข้าไปอีก ทั้งไม่มีฮอร์โมนและเริ่มอ้วน ภาวะสมองเสื่อมก็ยิ่งแย่ลงทั้งสองเพศเลย

แต่ข้อน่าสนใจคือในเพศหญิงถ้าใช้ยาต้านเบาหวานหรือฮอร์โมนเข้าไปในวัยทองและอ้วนปรากฏว่าใช้ได้ผล แตกต่างจากเพศชายที่พบว่าถ้าไม่มีฮอร์โมนแล้วอ้วน ต่อให้ใช้ฮอร์โมนหรือยาต้านเบาหวานไม่มีผลต่อภาวะสมองเสื่อมของเพศชายได้ แสดงว่าในเพศชายยากที่จะรักษาให้กลับมา โดยเฉพาะในชายที่อ้วน

เหตุที่แม้จะเรียนจบมาจากด้านทันตแพทย์ แต่กลับมาสนใจเรื่องสมอง ดร.ทพญ.สิริพรบอกว่า เพราะไปเรียนต่อปริญญาเอกในเรื่องสมองทั้งหมด สนใจงานวิจัยในเรื่องสมองเสื่อมเป็นหลัก ทั้งปริญญาเอกและหลังปริญญาเอก เมื่อกลับมาจึงยังคงยึดเรื่องสมอง และในอนาคตก็จะยังทำวิจัยเรื่องนี้อยู่ต่อไป ในอนาคตจะยังคงค้นหาว่ากลไกอะไรที่ทำให้เกิดความเสื่อม เราสามารถป้องกันได้มั้ย หรือมีวิธีรักษาใหม่ๆ อะไรที่เราสามารถรักษาภาวะสมองเสื่อมได้ เพราะตอนนี้เราดูแค่ทำให้ผอมลงและอดอาหาร จำกัดจำนวนอาหารที่กิน หรือใช้ยา และใช้วิธีธรรมชาติ เช่น การออกกำลังว่าจะมีผล หรือมีวิธีรักษาอื่นที่จะทำให้สมองดีขึ้น และให้ภาวะอ้วนลงพุงลดลงด้วย

ขณะนี้นอกจากรักษาในสัตว์ทดลองแล้ว เราเริ่มรักษาในคนไข้ เพราะเรามีทีมที่เริ่มเก็บคนไข้ที่มีภาวะอ้วนลงพุงและมีภาวะคล้ายในสัตว์ทดลอง คือ มีภาวะอ้วนลงพุงเหมือนกัน และเริ่มศึกษาไปแล้ว

พบว่ามีอาการคล้ายกันคือภาวะสมองเสื่อม การเรียนรู้และความจำเริ่มลดลงเมื่อเทียบกับคนไม่อ้วน ปัจจุบันมีคนไข้ประมาณ 300 คนที่เราเริ่มเก็บข้อมูล เพราะเรามีคลินิกสำหรับคนอ้วนที่เข้ามารักษา เพราะนอกจากภาวะอ้วนลงพุงแล้ว ยังมีภาวะโรคความดันโลหิตสูง ไขมันสูง คนอ้วนส่วนใหญ่จะมีเกณฑ์ว่าใช้น้ำหนักตั้งและหารด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง หรือดัชนีมวลกาย หากมากกว่า 23 เริ่มเข้าสู่ภาวะอ้วน แต่หากมากกว่า 25 เรียกว่าอ้วนลงพุง จึงไม่ควรเกิน 23 ซึ่งคนไข้ที่มารักษาส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ 27 ขึ้นไป เรียกว่าอ้วนลงพุงกันหมด

“ขอฝากประชาชนว่า หากเกิดภาวะอ้วนลงพุงแล้ว นอกจากมีผลเสียต่อเส้นเลือดและหัวใจแล้ว ยังมีผลเสียต่อสมอง เป็นภัยเงียบ เพราะเราไม่ทราบว่าสมองเราเริ่มเสื่อมแล้ว เพราะเป็นหัวใจยังมีอาการ ตรวจเลือด ตรวจหัวใจได้ แต่ในสมองเสื่อมยากจะตรวจรักษา และถ้าเสื่อมไปแล้วต่อให้ใช้ยาดีแค่ไหน โอกาสที่จะกลับมาเหมือนเดิมนั้นมันยาก เพราะฉะนั้นเราต้องป้องกันไม่ให้เกิดภาวะอ้วนลงพุงดีที่สุด เพราะว่าเป็นแล้วยากต่อการรักษา”

ถือเป็นเสียงเตือน ส่งสัญญาณไปให้คนอ้วนลงพุง ต้องระวัง…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image