ยาสูบโวกำไรพุ่งสูงเฉียด 9 พันล. แจกโบนัส 7 ด. ปีนี้หวังปรับองค์กรเป็นนิติบุคคล ร่วมทุนจีน ญี่ปุ่น

นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการยาสูบ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของโรงงานยาสูบในรอบปี2559 ที่ผ่านมามีกำไรกว่า 8,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีกำไร 7,105 ล้านบาท จากผลประเมินของสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)โรงงานยาสูบอยู่ในระดับที่ดีมาก ส่งผลให้ปีนี้สามารถจ่ายโบนัสให้พนักงานถึง 7 เดือนค่อนข้างสูงกว่าเมื่อเทียบกับรัฐวิสาหกิจอื่นในกลุ่มเดียวกัน และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด เป็น77.08% จากปีที่ผ่านมา 76.17%

นางสาวดาวน้อย กล่าวว่า ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากการรายได้จากการจำหน่ายบุหรี่ เพราะปริมาณการผลิตลดลง แต่เป็นผลกำไรจากประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานและผู้บริหารโรงงานยาสูบ โดยสามารถลดต้นทุนวัตถุดิบจากการบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายด้านในการผลิตบุหรี่ เช่น ซอง ก้นกรอง และสารปรุง ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต การบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ลดการทำงานล่วงเวลา การเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการตลาด/ การขายทำให้โรงงานยาสูบสามารถแย่งส่วนแบ่งจากบุหรี่ต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ต้นทุนการซื้อใบยาลดลง ซึ่งโรงงานยาสูบใช้ใบยาต่างประเทศลดลงโดยใช้ใบยาในประเทศที่มีคุณภาพสูงทดแทนการนำเข้า ทำให้ต้นทุนโดยรวมลดลง

นางสาวดาวน้อย กล่าวว่า ในปี2560 ตั้งเป้าหมายผลประกอบการไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยในปีงบประมาณ 2560โรงงานยาสูบ มีความมุ่งมั่นที่จะต้องเร่งผลักดันเรื่องต่างๆ ที่สำคัญทั้งที่เป็นเรื่องนโยบายของรัฐ และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยเฉพาะในเรื่องการปรับสถานะองค์กรเป็นนิติบุคคล ล่าสุดร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. … ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาคาดว่ากฎหมายจะผ่านสภานิติบัญญัติ(สนช.) และมีผลบังคับใช้ในปีนี้

นางสาวดาวน้อย กล่าวต่อว่า การเป็นนิติบุคคลจะเปิดโอกาสให้โรงงานยาสูบร่วมทุนกับต่างประเทศได้ ขณะนี้มีบริษัทยาสูบ ในประเทศ จีน ญี่ปุ่น สนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนกับโรงงานยาสูบ โดยจีนติดต่อผ่านกระทรวงการคลัง และขณะนี้เริ่มเจรจากับโรงงานยาสูบบ้างแล้ว โดยเขาพร้อมจะรอกฎหมายนิติบุคคล เนื่องจากมั่นใจในกระบวนการผลิตของโรงงานยาสูบ คาดว่าการร่วมทุนจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท

Advertisement

ทั้งนี้ในการ่วมทุนโรงงานยาสูบตั้งเงื่อนไขการร่วมทุนคือ ไม่ใช่การผลิตเพื่อขายในประเทศ การผลิตยังเป็นของคนไทย และต้องใช้ใบยาสูบไทยไม่น้อยกว่า 70% นอกจากนี้ยังมีประเทศพม่า สิงคโปร์ สนใจจะมาจ้างผลิต แต่ต้องรอกฎหมายนิติบุคคลเช่นกัน

นางสาวดาวน้อย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในปี2560 โรงงานยาสูบเริ่มขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้จะไปเปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าที่ประเทศ ลาว หลังจากนั้นเตรียมวางแผนจะไปเปิดตัวที่ประเทศฟิลิปปินส์ และวางเป้าหมายเปิดตัวปีละประเทศ ในแถบประเทศอาเซียน ซึ่งในการไปทำตลาดต่างประเทศนี้จะใช้ยี่ห้อเดิมที่โรงงานยาสูบผลิตอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นยี่ห้อใด ขอไปสำรวจความต้องการของผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ ก่อน

นางสาวดาวน้อย กล่าวต่อว่า ยาสูบให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาหรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เป็นมาตรฐานและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เตรียมนำกัญชง มาปลูกเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตยาสูบ คาดว่าจะเริ่มปลูกมนปี2561 โดยครม. อนุมัติให้ปลูกกัญชงนำร่อง 6 จังหวัด 15 อำเภอ ในเขตภาคเหนือ ถ้าทำได้สำเร็จดีจะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มรายได้ให้โรงงานยาสูบ และรัฐอย่างมหาศาล เพราะเมล็ดกัญชงมีราคาสูงมากเป็นล้านบาทต่อกิโลกรัม

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image