“ไผ่ วันพอยท์”เผยเพื่อนให้ช่วยหา”ลัมโบร์กีนี”ให้บอย รับเคยเจอ”เบนซ์ เรซซิ่ง”ครั้งเดียว

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่7ก.พ. นายไผ่ ลิกค์ หรือไผ่ วันพอยท์ นักธุรกิจชื่อดัง และลูกอดีตนักการเมือง เปิดเผยภายหลังเข้าพบพบพนักงานสอบสวน บช.ปส. กว่า2ชั่วโมง30 นาที ว่า พนักงานสอบสวนสอบถามในทุกประเด็นที่ยังสงสัย ซึ่งส่วนใหญ่คำถามก็คล้ายกับที่ผู้สื่อข่าวได้ถามไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างตนกับนายบอย ซึ่งยังคงยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักกับนายณัฐพลหรือบอย นาคคำ และ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เป็นการส่วนตัว แต่เพื่อนของตนขอให้ช่วยหารถตามที่นายบอยต้องการเท่านั้น ซึ่งรถตามต้องการมาลงตัวที่เต็นท์ของเอก บูโน่ ออโต คลินิก ซึ่งตนรู้จักเพราะอยู่ในวงการเดียวกัน โดยช่วงเวลาที่ตนได้หารถให้กับนายบอยนั้นคือช่วงเดือนตุลาคม 2559 และตนได้เจอกับนายบอยเพียง2ครั้งคือครั้งแรกวันที่พานายบอยไปดูรถที่เต็นท์ เอก บูโน่ ออโต คลินิก (BUONO AUTO CLINIC)ย่านพระราม3 และครั้งที่2คือวันที่นายบอยไปรับรถลัมโบร์กีนี คันดังกล่าวพร้อมนายเบนซ์ นั่นจึงถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ตนได้เจอกับนายเบนซ์

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่รู้จักกับนายเบนซ์เป็นการส่วนตัว เพราะตนอยู่ในวงการซุปเปอร์คาร์ แต่นายเบนซ์อยู่ในวงการบิ๊กไบค์ เป็นคนละวงการกัน ทั้งนี้ในวันที่รับรถตนจำเลขทะเบียนรถไม่ได้ จำได้แต่ว่าเป็นป้ายที่ระบุจังหวัดสงขลา ซึ่งไม่ทราบว่าผ่านการครอบครองมาแล้วกี่คน และไม่ทราบว่าเจ้าของรถที่แท้จริงขณะนั้นคือใคร อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเมื่อครั้งที่เพื่อนขอให้ตนช่วยหารถคันดังกล่าวให้กับนายบอยนั้น เพื่อนได้ระบุว่าหากงานสำเร็จจะแบ่งเงินเป็นค่าสินน้ำใจให้ แต่ไม่ได้ระบุจำนวนเงิน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยได้เงินในส่วนนั้นและตนก็ไม่ได้ทวง เพราะถือว่าเป็นการช่วยเพื่อน

นายไผ่กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่มีตนเห็นข่าวการจับกุมนายไซซะนะ นายบอยและเครือข่ายแล้ว แต่ไม่ได้คิดว่าตนจะมีความเชื่อมโยงใดๆ กระทั่งเมื่อเวลา10.00-11.00น.วันนี้ตำรวจโทรศัพท์มาหาตนเพื่อขอให้มาให้ข้อมูล ซึ่งก็ตัดสินใจมาทันทีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยที่ไม่ได้มีทนายมาด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่าตนไม่เคยรู้จักชื่อไซซะนะมาก่อนและไม่เคยพบชื่อนี้ในวงการซุปเปอร์คาร์เลย ส่วนจะมีชื่อในวงการซุปเปอร์คาร์ที่ประเทศลาวหรือไม่ ตนไม่ทราบเพราะไม่มีเพื่อนในประเทศลาวเลย อย่างไรก็ตามตำรวจไม่ได้นัดตนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแต่อย่างใด

“ส่วนตัวก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าวงการซุปเปอร์คาร์เป็นวงการฟอกเงินของกลุ่มที่กระทำความผิด แต่คิดว่าหลังจากที่มีข่าวออกมา คนคงคิดลักษณะนั้น ซึ่งจริงๆแล้วที่ผ่านมาก็มีคนอยากขับซุปเปอร์คาร์ และมีคนดีขับจำนวนมาก ใครๆก็อยากขับ”นายไผ่กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image