โลกกำลังจะหมุนกลับ : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

ขณะนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลายเป็นบุคคลแห่งทศวรรษไปแล้ว และไม่แน่อาจจะเป็นบุคคลแห่งศตวรรษที่ 21 ก็ได้ ถ้าหากเขาอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2 สมัย คือ 8 ปี โดนัลด์ ทรัมป์ คงจะเปลี่ยนวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมและคุณค่าทางการเมืองของประชาชนชาวอเมริกันไป จนเราอาจจะจำอเมริกาไม่ได้เลยก็ได้ แล้วถ้าอเมริกันเปลี่ยนไป ยุโรปตะวันตกที่เป็นบริวารของอเมริกา เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และอาจจะรวมทั้งเอเชียหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ก็อาจจะเปลี่ยนความคิด ค่านิยมทางสังคมและการเมืองตามไปด้วยก็ได้

หลายคนคิดว่าโดนัลด์ ทรัมป์ คงจะพูดจาหาเรื่องกับจีนและประเทศอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ พร้อมๆ กับหาประเด็นที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งกับจีน เช่น กรณีความขัดแย้งในเรื่องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะพาราเซล ทั้งๆ ที่อเมริกาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งดังกล่าวนั้นเลย เพื่อให้ความสนใจของคนอเมริกันพุ่งออกไปนอกประเทศ ลืมปัญหาของตนเอง

วาทะของนายทรัมป์ที่ว่า สหรัฐอเมริกาจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีก เป็นวาทะที่กำกวม เพราะขณะนี้อเมริกาก็ครองความยิ่งใหญ่ทั้งทางทหาร เศรษฐกิจ การเมือง สังคม รวมทั้งเป็นผู้นำทางความคิดในเรื่องสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ไม่มีประเทศใดเทียบเท่าได้อยู่แล้ว

อเมริกายังคงทรงพลังทางทหาร มีอาวุธทันสมัย มีเทคโนโลยีทางอวกาศ ปรมาณู มีกองเรือและกองทัพอากาศที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก จนไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย ไม่มีใครกล้าท้าทาย มีแต่จีนและรัสเซียเท่านั้นที่จะโต้ตอบอเมริกาให้บอบช้ำได้ แม้ว่าอเมริกาจะเป็นฝ่ายชนะสงครามก็ตาม

Advertisement

ในทางเศรษฐกิจ อเมริกาผลิตสินค้าเทคโนโลยีราคาแพง เช่น ดาวเทียม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นั่งนอนรับเงินจากทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆ ที่ยังมีนิมิตสิทธิ์ ลิขสิทธิ์ รวมทั้งตรายี่ห้อ เครื่องหมายการค้า ตั้งแต่ถุงยางอนามัย ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมเด็กก็ยังใช้ตราและแบรนด์ของอเมริกัน พวกเราประเทศกำลังพัฒนารวมทั้งจีนด้วย ผลิตเสื้อผ้า รองเท้า ถ้วยโถโอชาม เฟอร์นิเจอร์ อาหารสำเร็จรูป ในราคาถูก แล้วขายให้อเมริกาเพื่อแลกกับทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งส่วนใหญ่อเมริกาเป็นเจ้าของ โดยที่คนอเมริกันไม่ต้องทำงานหนัก ทำงานเบาๆ เงินเดือนสูงๆ สวัสดิการดีๆ บ้านเรือนสวยๆ เปลี่ยนรถยนต์ทุก 2-3 ปี รถเสีย เครื่องปรับอากาศเสีย ตู้เย็นเสีย ก็ไม่ต้องซ่อม ซื้อใหม่เลย เพราะพวกเราประเทศกำลังพัฒนามีค่าแรงถูกๆ ผลิตให้คนอเมริกันใช้ เพื่อแลกกับเรือบิน เรือเดินสมุทร ดาวเทียม จรวด รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ราคาสูงๆ จากอเมริกา เวลาเจ็บป่วยก็ต้องใช้เครื่องมือเครื่องใช้แบรนด์อเมริกัน แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่ผลิตจากญี่ปุ่นหรือเยอรมนีก็ตาม แต่ยี่ห้อเป็นของบริษัทอเมริกัน ยารักษาโรค ยาที่ทันสมัยที่มีความนิยม แม้ว่าลิขสิทธิ์ที่ใช้แบรนด์หรือยี่ห้อบริษัทอเมริกันจะหมดอายุปาเตนท์แล้วก็ตาม เช่น ยาพาราเซตามอล ก็ยังเป็นยาที่ผลิตโดยบริษัทอเมริกันที่มาตั้งโรงงานผลิตในบ้านเรา

จะระดมทุน จะขายหุ้นกู้ ออกหุ้นสามัญ ก็ต้องใช้บริการบริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทตรวจบัญชี สำนักงานกฎหมาย ที่เป็นสาขาของบริษัทเงินทุนและสำนักงานตรวจบัญชี สำนักงานกฎหมายของอเมริกัน บริษัทอเมริกันทั้งนั้นที่เป็นคนกำหนดให้สำคัญ ให้ความน่าเชื่อถือหรือ rating ทั้งๆ ที่พนักงานที่ทำการวิเคราะห์ ที่ได้รับใบอนุญาตก็เป็นคนไทยทั้งนั้น ผู้ถือหุ้นบริษัทเหล่านี้ไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งกินหัวคิวสบายๆ เพราะตลาดทุนของโลกผูกขาดโดยอเมริกา

การที่เงินดอลลาร์เป็นเงินสกุลของโลกไปแล้ว ทำให้อเมริกาได้เปรียบชาวโลกมหาศาล เพราะสามารถเอาสินค้าและบริการของชาวโลกมาใช้โดยลงบัญชีเป็นเจ้าหนี้อเมริกา อเมริกาก็เพิ่มเงินดอลลาร์ได้เฉยๆ โดยไม่ต้องมีทองคำหนุนหลัง พูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือสามารถพิมพ์เงินออกมาแลกสินค้าและบริการ เอามาบำรุงบำเรอความสุขของคนอเมริกันได้ พวกเราต้องทำงานผลิตสินค้าและบริการให้คนอเมริกันใช้ เพื่อจะได้มีเงินดอลลาร์มาใช้ซื้อขายสินค้าของเรากับชาวต่างประเทศได้ แม้ไม่ได้ซื้อขายกับอเมริกาก็ตาม

ที่แสบที่สุดก็คือ เงินดอลลาร์เป็นเงินตราสกุลเดียวที่จะใช้เก็งกำไรจากการปั่นค่าเงินตราประเทศอื่น เช่น ในกรณีต้มยำกุ้งของไทยเมื่อปี 1997 หรือปี 2540 คนชาติอื่นที่ใช้เงินตราสกุลอื่นทำไม่ได้ กำไรจากการปั่นราคาน้ำมันดิบ ราคาทองแดง แร่ธาตุต่างๆ อะลูมิเนียม ยูโรเนียม สร้างกำไรให้กับบริษัทอเมริกันอย่างมหาศาล ประเทศต่างๆ ต้องระวังตัว

ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น อเมริกาในนามของผู้รักษาสันติภาพของโลกหรือตำรวจโลก ได้สร้างสงครามที่โน่นที่นี่แล้วก็ขายอาวุธราคาแพงๆ ให้กับคู่กรณีที่ขัดแย้งกันได้ หรือส่งกำลังเข้าไปรักษาความสงบแล้วคิดค่าใช้จ่ายทุกดอลลาร์ทุกเซนต์ จากประเทศที่ถูกอ้างว่าเข้าไปช่วยรักษาสันติภาพ เช่น กรณีสงครามอ่าวเปอร์เซีย สงครามในซีเรียในปัจจุบัน โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีสิทธิมาทวงบุญคุณได้เลยเพราะความได้เปรียบตกอยู่กับอเมริกาทั้งนั้น อเมริกาจึงได้ร่ำรวยมาถึงขนาดนี้ในปัจจุบัน

นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รางวัลโนเบลเกือบทุกสาขาส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนที่เกิดในอเมริกา แต่เป็นคนอพยพมาจากประเทศอื่น เช่น อินเดีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สแกนดิเนเวีย รวมทั้งจีนและญี่ปุ่นด้วย โดยอเมริกาเลือกเอาแต่คนเก่งๆ ดีๆ ผู้อพยพหลายคนหลายชาติ เช่น เวียดนาม จีน เกาหลี กลายเป็นมันสมองของอเมริกา เพราะสมองอเมริกาไม่เคยไหลไปประเทศอื่น มีแต่สมองประเทศอื่นไหลไปอเมริกา คนอเมริกันแท้ๆ ในแถบตอนกลางของประเทศส่วนมากเป็นคนโง่ ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวโลกภายนอก

เราลงทุนสร้างโรงเรียนแพทย์ ลงทุนผลิตแพทย์พยาบาลจากงบประมาณแผ่นดินของเรา เราลงทุนสร้างวิศวกร สถาปนิกด้วยราคาแพง เราลงทุนสร้างระบบการศึกษาชั้นมัธยม แต่ผลผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่เรียนเก่งถูกอเมริกาดูดเอาไปใช้งานโดยไม่ต้องลงทุนอะไร อเมริกาไม่เคยใช้หนี้ส่วนนี้ให้ประเทศไทย ถ้าจะต้องใช้หนี้เพราะเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลไทย คนไทยที่ไม่ยอมกลับเมืองไทยเป็นผู้จ่ายเอง ของเรานี้ถ้าคิดรวมๆ จากประเทศกำลังพัฒนา ก็จะเป็นเงินที่มีจำนวนมหาศาลที่เราจ่ายออกไปช่วยสร้างคนให้อเมริกาใช้ คนบ้องตื้นอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ก็คิดได้เท่านี้

การเปิดเสรียุคโลกาภิวัตน์ โลกไร้พรมแดน ย่อมทำให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ให้และผู้รับ เงินลงทุน จะได้มากได้น้อยก็แล้วแต่ความสามารถและคุณภาพของประชากรในโลก ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ได้ประโยชน์และได้เปรียบมากที่สุดในทุกด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะไม่เข้าใจหรือไม่ก็โง่ เพราะไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ แต่มีวิสัยทัศน์อย่างพ่อค้าหากำไร ตีหัวเข้าบ้าน ไม่ล้มละลายก็รวย ทางเดินชีวิตเขาคงจะเป็นอย่างนั้น ไม่เคยคิดถึงสังคมส่วนรวมเลย

ที่หลายคนทนไม่ได้ก็คือ ความหยาบคายกักขฬะ ความไม่มีมารยาท ไร้สมบัติผู้ดีของนายทรัมป์ ในฐานะประมุขของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ใครที่เคยไปเรียนหนังสือ หรือใครทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ หรือไปสอนหนังสือในสหรัฐอเมริกา จะเห็นได้เลยว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่มีกิริยามารยาทเป็นผู้ดี แม้จะเย่อหยิ่งจองหอง ภาคภูมิใจในการเป็นพลเมืองของประเทศที่เขาคิดว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก การอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรก็ดี ในวุฒิสภาก็ดี เป็นไปอย่างสุภาพ ไม่หยาบคายเหมือนสภาผู้แทนอังกฤษ คนอเมริกันกว่าร้อยละ 60 ไม่เคยมีหนังสือเดินทาง ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศและเป็นชาติที่มีความรู้รอบตัวเกี่ยวกับต่างประเทศน้อยมาก มีความคิดไปตามกระแสชี้นำของรัฐบาลหรือชนชั้นนำและสื่อมวลชนได้ง่าย มักจะมีความคิดสุดโต่งในเกือบทุกเรื่องแม้แต่เรื่องการรักษาสุขภาพ เกลียดกลัวคอมมิวนิสต์และมักจะสร้างภาพให้ประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นศัตรูคู่แข่งเพื่อความสมัครสมานสามัคคีในชาติ

เคยสร้างภาพให้สหภาพโซเวียตเป็นศัตรูคู่อาฆาต ล้างสมองคนอเมริกันว่าสหภาพโซเวียตจะโจมตีอเมริกา แข่งขันกันสร้างแสนยานุภาพทางทหาร จนเศรษฐกิจของสหรัฐและสหภาพโซเวียตล่มสลายไปทั้งคู่

เมื่อรัสเซียไม่ใช่คู่ต่อสู้ ก็ต้องหาคู่ต่อสู้ใหม่คือจีน เมื่อจีนวางตัวเฉยเป็นผู้ใหญ่ ไม่เหมือนผู้นำโซเวียต ผู้นำอเมริกาก็เลยทำตัวเป็นอันธพาลเสียเอง โดยไม่มีมารยาท กระแทกหูโทรศัพท์ใส่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย บริภาษประธานศาลสูงโดยใช้คำหยาบ “outrage” ซึ่งอาจจะแปลเป็นภาษาไทยว่า “บ้าระห่ำ” เมื่อศาลสูงวินิจฉัยว่า พระราชกำหนดที่ออกโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ห้ามมุสลิมจาก 7 ประเทศเข้าอเมริกานั้นขัดรัฐธรรมนูญ ใช้ไม่ได้

การที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งโดยคณะผู้เลือกตั้ง แม้จะแพ้คะแนนดิบหรือ popular votes ก็ตาม แสดงว่าผู้คนในอเมริกามีความคิดจะหมุนโลกกลับ และคงจะมีผู้นำประเทศอื่นทำตามโดยมีประชาชนนิยมชมชอบ

โลกนี้กำลังจะบ้ากันใหญ่แล้ว

 

วีรพงษ์ รามางกูร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image