อธิบดีดีเอสไอ นิมนต์พระธัมมชโย มอบตัว ยันค้นจนกว่าจะได้ตัว – องอาจ ดอดมอบตัวกลางดึก(คลิป)

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 16 ก.พ. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) และพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษก ดีเอสไอ ร่วมกันแถลงการลงพื้นที่ปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ในคดีพิเศษที่ 27/2559 เพื่อจับกุมพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ได้มีการสอบสวนดำเนินคดีอาญาพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรณีได้รับเงินที่เกิดจากการทุจริตของอดีตผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวนเงินกว่า 1,400 ล้านบาท ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร เป็นคดีพิเศษที่ ๒๗/๒๕๕๙ ซึ่งพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย มีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และศาลอาญาได้ออกหมายจับไว้เพื่อให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจับตัวนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันคดีดังกล่าวพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา รวมถึงเห็นควรสั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย และมีคำสั่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจัดการเพื่อให้ได้ตัวมาดำเนินคดี ซึ่งเป็นเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจและติดตามการดำเนินการตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด นั้น

Advertisement

ดีเอสไอได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้ได้ตัวพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย มาดำเนินคดีโดยตลอด ตั้งแต่การเปิดโอกาสให้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและนำพยานหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหา ถึง ๓ ครั้ง คือ (๑) เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๙ (๒) เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ และ (๓) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ แต่ผู้ต้องหาก็บ่ายเบี่ยงอ้างเหตุจำเป็นต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

พ.ต.อ.ไพสิฐ ยังระบุ ดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอได้ประเมินสถานการณ์และขออนุมัติศาลเพื่อเข้าทำการตรวจค้นพื้นที่วัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบที่เกี่ยวข้องเพื่อพบและจับกุมตัวบุคคลตามหมายจับ ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ เมื่อมีการนำกำลังเข้าปฏิบัติการปรากฏว่ามีมวลชนจำนวนมากมาสวดมนต์ภายในวัด มีบุคคลปกปิดใบหน้าปะปนในหมู่ประชาชนภายในวัด รวมทั้งมีการตั้งเครื่องกีดขวางเส้นทางเข้าออกวัดและจุดสำคัญต่าง ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการเข้าปฏิบัติการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าหากยังคงปฏิบัติการต่อไปอาจมีผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์หรือก่อความวุ่นวาย จนส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาปฏิบัติธรรมตามความเชื่อ จนต้องยุติการปฏิบัติการ และในการเตรียมการเพื่อเข้าตรวจค้นในครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๓ – ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ เจ้าหน้าที่ก็ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน ซึ่งการจะตัดสินใจเข้าปฏิบัติการเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาปฏิบัติธรรมตามความเชื่อ ซึ่งจากการประเมินเห็นว่ามีจำนวนมากกว่าการเข้าปฏิบัติการตรวจค้นครั้งแรก ประกอบกับทางการข่าวพบมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่จะฉวยโอกาสสร้างความรุนแรงและใส่ความว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย และจะนำเสนอข่าวที่เป็นเท็จไปบนระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อทำลายความเชื่อถือต่อเจ้าหน้าที่และทำให้เข้าใจว่าเป็นการรังแกสถาบันพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ทั้งที่เป็นการปฏิบัติการเพื่อจับกุมบุคคลตามหมายจับ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงจำเป็นต้องยุติการปฏิบัติการ

ทั้งนี้จากปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษคือคำสั่งหัวหน้าคณะ คสช. ตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถควบคุมพื้นที่บริเวณวัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบ เพื่อตรวจสอบ คัดกรองผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายออกจากพื้นที่ปฏิบัติการเป็นการชั่วคราว รวมทั้งให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่บางประการเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานโดยสะดวกและรวดเร็ว

Advertisement

อย่างไรก็ตามยังคงดำรงหลักการสำคัญ ๓ ประการ คือ (๑) นำตัวพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม (๒) ดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และ (๓) ปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์มิให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง โดยให้เกิดผลกระทบกับประชาชนทั่วไปที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ควบคุมน้อยที่สุด

พ.ต.อ.ไพสิฐ ยังกล่าวว่า ฝากลูกศิษย์ นิมนต์พระธัมมชโย ให้ออกมามอบตัว ส่วนมาตรการจะดำเนินการตามขั้น ขออย่าให้มีการขัดขวางเจ้าหน้าที่ จากการข่าวยังพบว่าพระธัมมชโย ยังคงอยู่ภายในวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่ 196 ไร่ และจะดำเนินการตามกฎหมายหลีกเลี่ยงความรุนแรง ทั้งนี้การตรวจค้นในวันนี้ปราศจากอาวุธ โดยรวมตรวจค้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปกครอง ดีเอสไอ และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี

อย่างไรก็ตามมีความกังวลเรื่องมือที่ 3 เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่มีการพกพาอาวุธ ซึ่งก็ไม่ประมาท และขอนิมนต์หลวงพ่อธัมชโย ถ้าคิดว่าบริสุทธิ์ควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า การดำเนินการตรวจค้นครั้งนี้ศาลได้อนุมัติหมายค้นข้ามวันข้ามคืนแบบต่อเนื่องหลายวัน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจำนวนกี่วัน โดยใช้หลักฐานภาพเหตุการณ์ขัดขวางของกลุ่มศิษย์มายืนกับศาลในขอหมายค้นครั้งนี้ แต่ยืนยันจะเข้าดำเนินการตรวจค้นทุกจุดและใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยต้องประเมินสถานการณ์ต่อเนื่องในการเข้าตรวจค้น พร้อมกับขออภัยประชาชนในความไม่สะดวกในเรื่องการจราจรบริเวณโดยรอบวัดด้วย
พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า การเข้าดำเนินการครั้งนี้ใช้กำลังตำรวจของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และ ภาค7 และทำรวามเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่วัด พร้อมกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากวัด และห้ามคนนอกเข้า ส่วนใครจะกลับภูมิลำเนาทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมรถอำนวยความสะดวกให้เช่นกัน

“ในการตรวจค้นครั้งนี้จะทำจนกว่าจะได้ตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แม้ถ้าหมายศาลหมดอายุก็ยังมีกฎหมายมาตรา 44 สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เมื่อคืนที่ผ่านมานายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกวัดพระธรรมกาย ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจกองปราบปรามแล้ว ก่อนให้ประกันตัว พร้อมเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศและยุยงปลุกปั่น” พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image