เย็นศิระ เพราะพระบริบาล พระราชจริยวัตรงดงาม ของใช้อันเรียบง่าย พระราชาผู้ทรงธรรม (ทำ)

ใครๆ ที่เข้าชมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ต้องกลับมาชมอีกให้ได้ เพราะดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ” กับนิทรรศการ “เย็นศิระ เพราะพระบริบาล” และพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ซึ่งตั้งอยู่บนท้องสนามหลวงทางทิศเหนือ

โซน 1 (4)

ความประทับใจเริ่มต้นตั้งแต่แรกเห็นตัวอาคารนิทรรศการ ที่ใช้เอกลักษณ์ลายไทยมาออกแบบได้อย่างสวยงาม ด้านหน้ายังประดับประดาไปด้วยแมกไม้สวยงามนานาพันธุ์ ขณะที่การเข้าไปนั้น ผู้เข้าชมจะต้องไปต่อแถวที่เต็นท์จุดรอคอย ช.-ซ. ซึ่งตั้งอยู่ทิศเหนือของตัวอาคาร เพื่อรอเข้าชมตามลำดับ โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งเข้าชมเป็นรอบ รอบละประมาณ 50-150 คน ต่อรอบใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที นั่งในเต็นท์รอคอยไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็พาเดินต่อแถวไปที่อาคารนิทรรศการที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เข้าไปโซนแรกเป็นนิทรรศการบุญของแผ่นดินไทย ออกแบบได้สวยงามและทันสมัย ผนังแต่ละด้านจัดแสดงข้อมูลและภาพเคลื่อนไหว เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ สถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ หรือหากต้องการทราบข้อมูลเชิงลึก ผู้เข้าชมสามารถเดินไปกดหาข้อมูลที่แท็บเล็ต ซึ่งตั้งไว้หลายเครื่องจัดทำเป็น 2 ภาษา คือ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

โซน 1 (2)

Advertisement

ในโซนเดียวกัน เลยเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนถึงการทรงงาน ใส่ในกรอบรูปแขวนเรียงกันมากมาย บางกรอบใช้กิมมิคแสดงเป็นภาพเคลื่อนไหว บอกเล่าเรื่องราวและเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี และมีตู้เปียโนคอยเล่นดนตรีในบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยโปรแกรมให้เล่นเองแบบอัตโนมัติ สร้างความตื่นตาท่ามกลางเสียงดนตรีที่ไพเราะ

โซน 1 (1)

เข้าสู่โซน 2 นิทรรศการพระราชาผู้ทรงธรรม (ทำ) ที่ห่างเพียงม่านกั้น จัดแสดงเรื่องราวหลักการทรงงาน และเหตุการณ์สำคัญตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชย์ผ่านภาพยนตร์ สร้างความปลื้มปีติแก่ผู้เข้าชมหลายคน ยืนชมทั้งน้ำตาไหล ในโซนนี้ยังจัดแสดงอุปกรณ์และเครื่องมือทรงงานส่วนพระองค์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 อาทิ ฉลองพระองค์ แผนที่ ดินสอ วิทยุสื่อสาร แว่นตา นาฬิกา กล้องส่องทางไกล กระทั่งแซกโซโฟน ทำให้หลายคนที่ได้เห็นยิ่งน้ำตาไหล เพราะปลื้มปีติในความเรียบง่ายและพระราชจริยวัตรอันงดงาม

Advertisement

โซน2

โซน2 (1)

โซน2 (2)

โซน2 (3)

โซน2 (5)

โซน2 (4)

เปิดม่านเข้าชมต่อที่โซน 3 กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ จัดแสดงสวยงามและทันสมัยไม่แพ้กัน โดยรายล้อมด้วยจอภาพนับสิบ จัดแสดงภาพเคลื่อนไหวเรื่องราวที่นานาชาติสรรเสริญและแสดงความอาลัย ตรงกลางยังมีพื้นที่ให้ผู้เข้าชมได้แสดงออกในการตั้งปณิธานทำความดี โดยให้เขียนปณิธานความดีที่อยากทำพร้อมชื่อ ใส่กระดาษรูปทรงก้อนเมฆ จากนั้นนำไปติดแขวนกับเชือก หรือทันสมัยหน่อยก็เลือกพิมพ์ลงบนจอแท็บเล็ต เมื่อเสร็จภาพก็จะยิงขึ้นก้อนเมฆด้านบนราวกับว่าเราได้ส่งต่อความดีเพื่อพ่อบนฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว นับเป็นจุดที่ผู้ชมให้ความสนใจมาก

โซน 3 (1)

โซน 3 (2)

โซน3

เดินต่อไปยังโซนที่ 4 พระมิ่งขวัญชาวไทย ซึ่งจัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์ พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ผ่านภาพนิ่งในกรอบรูป กิมมิค ภาพเคลื่อนไหวในกรอบรูป และจอทีวีขนาดใหญ่ในรูปร่างหนังสือ ให้อรรถรสเหมือนกำลังอ่านหนังสืออยู่ ก่อนเดินไปที่โซนที่ 5 ร้อยใจไทย จัดแสดงและแจกการ์ดมงคลขนาดเท่าบัตรเอทีเอ็ม ด้านหน้าเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้านหลังเป็น 89 พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส เพื่อให้ผู้เข้าชมเก็บเป็นที่ระลึก และน้อมนำมาเป็นมงคลชีวิต โดยแจกวันละแบบ คนละใบ ซึ่งหากใครต้องการเก็บสะสมให้ครบ 89 ใบ/แบบ ต้องมาให้ครบ 89 วันที่จัดแสดง

โซน4 (4)

โซน4 (3)

โซน4 (2)

โซน4 (1)

จากนั้นเดินออกทางด้านข้างมายังพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตที่ตั้งอยู่ไม่ไกล จัดแสดงศาสตร์พระราชาว่าด้วยการบริหารจัดการดิน น้ำ ทรัพยากรธรรมชาติ เกษตรทฤษฎีใหม่ ตลอดจนผลิตภัณฑ์โครงการหลวง จำลองให้เห็นกับตากันเลย ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าชมหลายคนอยากน้อมนำทำตามศาสตร์พระราชา เดิมทีพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติฯจะจัดแสดงถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ แต่เนื่องด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่ง “อยากให้อยู่ยาวๆ” ภายหลังเสด็จฯไปทอดพระเนตรเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ทำให้พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติฯจะยังอยู่ต่อ โดยอาจปรับรูปแบบการจัดแสดง อย่างไรก็ตาม ก็ทำให้ผู้เข้าชมเดินออกไปด้วยความประทับใจ และตั้งใจว่าต้องกลับมาชมอีกครั้ง

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (1)

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (2)

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (3)

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (4)

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (5)

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (6)

นางสะอาด จินมิน อายุ 66 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี แต่ย้ายมาทำงานและอาศัยในกรุงเทพฯ กล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า ชอบทุกอย่างเลยที่พระองค์ทรงงาน ยิ่งได้ชมภาพยนตร์ที่แสดงถึงพระองค์ทรงทำเพื่อคนไทยมามากขนาดไหน ได้เห็นข้าวของเครื่องใช้ของพระองค์ที่ทรงไม่ใช้ของหรูหรา ทรงประหยัด ยิ่งทำให้น้ำตาไหล โอกาสนี้ได้เขียนว่าขอตั้งปณิธานจะทำความดีเพื่อพ่อและแผ่นดินต่อไป

“มีโอกาสจะกลับมาอีก นอกจากกราบพระบรมศพ ก็ต้องมาดูนิทรรศการอีกให้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ดูแล้วไม่เบื่อ ยิ่งเห็นยิ่งทำให้คิดว่าพระองค์ยังสถิตอยู่กับคนไทย” นางสะอาดกล่าวน้ำตาคลอ

สะอาด จินมิน (2)
สะอาด จินมิน

ขณะที่ นางเพ็ญศิริ รองเดช อายุ 53 ปี ชาว จ.ขอนแก่น แต่ย้ายมาทำงานและอาศัยในเขตบางรัก กรุงเทพฯ ถือโอกาสมากราบพระบรมศพ และเข้าชมนิทรรศการเป็นครั้งแรก กล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า ได้เห็นจากในโทรทัศน์ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯมาเปิด จึงอยากจะมาชมและกราบพระบรมศพ เมื่อเข้าไปแล้วก็เป็นอีกคนที่น้ำตาไหลเมื่อได้ชมภาพยนตร์ในโซน 2 เพราะได้เห็นว่าพระองค์ทรงงานหนักมาก จริงๆ สิ่งที่นำมาจัดแสดงส่วนใหญ่ ตนรู้หมดแล้ว แต่ดูแล้วก็อยากดูอีก ยิ่งได้เห็นศาสตร์พระราชามากมายที่จำลองในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติฯ ยิ่งทำให้คิดว่าพระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพมาก ได้เห็นแล้วก็เกิดแรงบันดาลใจว่าหากเกษียณอายุในอีกไม่กี่ปี จะกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อทำตามพระองค์ โดยเฉพาะเรื่องการทำพืชผักสวนครัวไว้บริโภคภายในครอบครัว

เพ็ญศิริ รองเดช
เพ็ญศิริ รองเดช

ด้านหน้า (1)

สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00-20.00 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image