เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ บรรยากาศประชาชนที่มากราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สภาพอากาศวันนี้ท้องฟ้าสดใสและมีแดดร้อนจัดตลอดวัน แต่พสกนิกรก็อดทนเพื่อให้ได้เข้ากราบพระบรมศพตามที่ตั้งใจ
นายปจันทลักษณ์ จูมศิลา อายุ 39 ปี เกษตรกร ชาว จ.ชัยภูมิ ที่เคยมีโอกาสเดินทางไปนอร์เวย์ เดินทางพร้อมคณะชาวไทยในนอร์เวย์ ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมากที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต แต่ภูมิใจที่ได้มากราบสักการะพระองค์ท่านสักครั้งในชีวิต และภูมิใจที่ได้เกิดบนแผ่นดินของพระองค์ท่าน แม้ว่าหากเป็นไปได้ อยากกราบพระองค์ท่านเมื่อยังมีพระชนม์ชีพมากกว่า หากถามถึงความประทับใจต่อพระองค์ท่านของตน มีมากจนหาที่สุดไม่ได้ ให้ลองนึกภาพเหรียญกษาปณ์ที่มีรูปพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ปรากฎอยู่ทุกๆ เหรียญ ทั้งหมดในโลกนี้ นั่นแหละคือความประทับใจของผม
“ผมระลึกถึงท่านอยู่เสมอ ตั้งปณิธานที่ดำเนินรอยตามพระองค์ท่านเท่าที่คนๆหนึ่งจะทำได้ และตั้งใจว่าทุกวันจะต้องทำความดี 1 อย่าง เพราะไม่ว่าจะมองไปทางใดบนผืนแผ่นดินไทย ก็คือความดีที่พระองค์ท่านทรงทำไว้ ถ้าสามารถทำความดีได้มากกว่า 1 อย่างต่อวันก็ถือว่าดี เพราะการทำความดีคือกำไร แต่ถ้าไม่ทำอะไรอาจจะเท่าทุน ดีไม่ดีก็อาจขาดทุน ทั้งนี้ ปัจจุบันผมเป็นเกษตรกร ทำนาอยู่ที่ชัยภูมิ ทำมา 2-3 ปีแล้ว ได้นำทฤษฎีแกล้งดินของในหลวงมาปรับใช้ เพราะที่ดินของผมเป็นดินเค็ม เริ่มจากขุดบ่อน้ำ และทิ้งไว้ระยะหนึ่งเพื่อให้จากน้ำเค็มก็จืดลงเรื่อย ๆ จนสามารถนำน้ำมาใช้ได้ หลังจากที่ปรับสภาพดินแล้ว ก็จะเริ่มเพาะปลูกทั้งข้าวและพืชผักเพื่อรับประทานเอง ” นายปจันทลักษณ์กล่าว
น.ส.ญานวัฒนา แสนกุล อายุ 41 ปี พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ เดินทางมาโดยรถตู้ที่ทางโรงพยาบาลจัดอำนวยความสะดวก ให้แก่พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่ประสงค์มากราบพระบรมศพ กล่าวว่า เดินทางมากราบเป็นครั้งที่ 3 ใช้เวลามารอไม่นานเท่ากับครั้งก่อนๆ ช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แต่ทุกครั้งก็ตั้งใจมาเพื่อที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนความรู้สึกไม่สามารถบรรยายได้ รู้เพียงว่ารักพระองค์มาก เป็นหนึ่งในใจของทุกคน ทั้งนี้เพราะท่านทรงงานเพื่อประชาชน พระองค์ทรงรัก ทรงหวังดี ไม่เคยว่ากล่าวใคร แม้มีบางคนที่ไม่ประสงค์ดีบ้าง แต่พระองค์ยังทรงมีเมตตากรุณาให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า
“ตัวเองเคยได้รับเสด็จ พระองค์เมื่อสมัยยังเด็กและเห็นท่านในระยะไกล แต่ก็ยังรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระองค์อยู่เสมอ เมื่อพ.ศ.2516 เสด็จฯ มาเปิดโรงพยาบาล เราในฐานะผู้ปฏิบัติงานจึงตั้งจิตที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ดูแลผู้ป่วยโดยไม่แย่งแยกกลุ่มหรือชนชั้น ตามที่พระองค์ทรงห่วงใยใส่พระราชหฤทัยในประชาชนทุกกลุ่มทุกคน อีกทั้งน้อมนำหลักความพอเพียง การพออยู่พอกิน ไม่สิ้นเปลืองและสร้างหนี้สินให้ตัวเองมาใช้ในชีวิตประจำวัน” น.ส.ญานวัฒนา กล่าว
