เมื่อเวลา 17.50 น.วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ แถลงผลการตรวจค้นบริเวณวัดพระธรรมกาย ว่า การปฏิบัติการตรวจค้นใน 2 วันที่ผ่านมา ในพื้นที่โซน A B และ C ทุกอาคาร ทุกห้องแล้ว ไม่พบบุคคลตามหมายจับ อย่างไรก็ตามยังมีการปฏิบัติการตรวจค้นบริเวณพื้นที่ควบคุมภายนอกบริเวณวัดพระธรรมการอยู่ จากการตรวจค้น พบอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะตู้ไฮเปอร์แบริค เครื่องมือการแพทย์สำหรับใช้รักษาบุคคลภาวะแรงดัน ในห้องที่เคยเป็นที่พักรักษาตัวของพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย บริเวณอาคารดาวดึงส์ จึงมีเหตุจำเป็นต้องอายัดอาคารดังกล่าว เพื่อประสานให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบว่าตู้ไฮเปอร์แบริค ล่าสุดใช้การเมื่อใด พร้อมทั้งควบคุมพื้นที่ห้ามมิให้มีผู้ใดเข้าออกหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของ และจัดกำลังเจ้าหน้าที่บางส่วนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและภัยแทรกซ้อนในพื้นที่สำคัญ
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า จากข้อสงสัยเกี่ยวกับอุโมงค์พื้นที่ใต้อาคารภาวนา 60 ปี ว่าอาจเป็นเส้นทางใช้หลบหนีเพื่อออกนอกเขตวัด ทาง พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้บัญชาการเหตุการณ์จึงประสานวัดนำสื่อมวลชนเข้าพิสูจน์ทราบร่วมกัน พบว่าเป็นที่สำหรับกักเก็บและใช้บำบัดน้ำที่ถูกนำไปใช้เป็นน้ำตก บริเวณด้านนอกอาคารที่มีความสูงประมาณตึก 12 ชั้น มีทางเข้าบริเวณด้านข้างอาคาร ภายในเป็นเส้นทางเดินรูปตัวยูแยกซ้ายขวาระยะทางด้านละประมาณ 1.5 กิโลเมตร ปลายทางทั้งสองด้านเป็นทางตันเข้าออกทางเดียวไม่ปรากฏทางออกอื่น
“แม้การปฏิบัติการตรวจค้นจะไม่พบบุคคลตามหมายจับ แต่ในทางปฏิบัติ ยังมีการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมต่อไป หากผู้ใดพบเบาะแสความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาตามหมายจับ ขอให้แจ้งข้อมูลมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทางสายด่วน 1202 โทรฟรีทั่วประเทศ” พ.ต.ต.วรณัน กล่าว
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่าอาจมีบางจุดรอบนอกที่จะเข้าปฏิบัติการแต่อาจไม่เข้มข้นเหมือนที่ผ่านมาแต่มีการวางกำลังไว้ สำหรับพื้นที่ตัววัดไม่มีแผนปฏิบัติการการทำงานทั้งสองวันไม่มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งหรือสูญเสียแต่อย่างใด
