| ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
|---|
Hacksaw Ridge ความเชื่อ ศรัทธา และการไร้อาวุธ ท่ามกลางสมรภูมิเดือด
มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่างในหนังเรื่อง Hacksaw Ridge ที่สร้างจากเรื่องจริงอันน่าเหลือเชื่อของแพทย์สนาม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ปีนี้ถึงหกสาขา
เริ่มจากเนื้อเรื่อง จะเป็นไปได้ยังไง ที่ชายคนหนึ่งสมัครไปรับใช้ชาติในสมรภูมิรบที่โหดร้ายและดุเดือดที่สุด โดยยืนกรานที่จะไม่ถืออาวุธใดๆ ทั้งสิ้น เขาถูกเพื่อนทหาร ครูฝึก และหัวหน้าตราหน้าว่าขี้ขลาด ถูกกลั่นแกล้ง ตั้งแต่รุมซ้อมจนถึงถูกยกเลิกวันลาที่เขากำลังจะไปแต่งงานกับแฟนสาว ถูกขึ้นศาลทหารเพราะไม่ยอมฝึกอาวุธ จนถึงอาจถูกไล่ออกอย่างไร้เกียรติและติดคุกยาวนาน ทั้งๆ ที่ถูกกดดันและบีบคั้นขนาดนี้ เขาก็ยังเลือกที่จะทำในสิ่งที่เขาเชื่อและศรัทธา และยืนกรานว่า “ในขณะที่คนอื่นกำลังพรากชีวิต ผมจะช่วยชีวิต และนี่เป็นวิธีรับใช้ชาติของผม”
ด้วยฝีมือกำกับของผู้กำกับหนังระดับรางวัลออสการ์จากเรื่อง Braveheart (1995 ) เมล กิบสัน ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์อีกครั้งจากหนังเรื่องนี้ในปีนี้ น่าสนใจว่า เขาจะกำกับหนังออกมาให้น่าดูได้มากน้อยเพียงใด ตัวหนังถูกวิจารณ์ว่า พูดถีงความรักสันติ แต่หนังกลับมีแต่กลิ่นคาวเลือดและความรุนแรง กิบสันตอบคำถามนี้อย่างน่าสนใจ
“เป้าหมายของการสร้างหนังคือสาม E อีแรกคือเราต้องให้ความบันเทิง (Entertain) อย่างที่สอง ให้การศึกษา (Education) และอย่างที่สามคือยกระดับจิตใจ (Elevate) ผมเล่าเรื่องนี้โดยการตั้งคำถามว่า คนเราเป็นไปได้ถึงไหน ในฐานะสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตหนึ่ง เมื่ออยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ลดจากความเป็นมนุษย์ลงไปเป็นสัตว์”
Advertisement
Hacksaw Ridge เป็นหนังสงครามที่แตกต่างกับหนังสงครามอื่นๆ สงครามอื่นอาจมุ่งเป้าที่ชัยชนะ วีรบุรุษสงครามเป็นคนเก่งที่สามารถสังหารข้าศึกและเอาชีวิตรอดกลับมา แต่หนังสงครามเรื่องนี้พูดถึงพลทหารคนหนึ่ง เดสมันด์ ดอสส์ (แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ จากหนัง The Amazing Spider–Man) ที่เคร่งศาสนา เห็นว่าการฆ่าฟันและใช้อาวุธเป็นบาป เขาถูกส่งไปสงครามภาคพื้นแปซิฟิคเพื่อยึดหน้าผามาเอดะ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Hacksaw Ridge หน้าผาสูงชันราวถูกเลื่อยหั่นออก ที่ถูกคุ้มกันอย่างหนาแน่นโดยทหารญี่ปุ่น เดสมันส์ถูกมองเป็นตัวปัญหา เป็นภาระ และถูกเย้ยหยัน ศรัทธาของเขาถูกทดสอบในสถานการณ์ที่เหมือนตกอยู่ในนรก แต่เขาก็กล้าที่จะเดินเข้าสู่สมรภูมิโดยมีเพียงศรัทธาเป็นอาวุธ และได้กระทำสิ่งเหลือเชื่อที่มนุษย์ไร้อาวุธคนหนึ่งจะกระทำได้ ในภาวะสงครามที่ดุเดือดและรุนแรงขนาดนี้
หนังค่อนข้างยาวประมาณเกือบสองชั่วโมงครึ่ง ช่วงแรกเล่าชีวิตวัยเด็กและปมในใจที่มีต่อพ่อที่เมาหัวราน้ำ และชอบทำร้ายแม่ ชีวิตรักที่จีบสาวแบบเชยๆ แต่ก็สมกับบุคลิกคนเคร่งศาสนาแบบเขา หนังเล่าเรื่องเรียบๆ ลำดับความคิดของตัวละคร เพื่อให้คนดูเข้าใจถึงสิ่งที่หล่อหลอมให้เดสมันด์เป็นคนแบบนี้ เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกสมัครไปเป็นทหาร ถูกเย้ยหยันรังเกียจและจับขึ้นศาลทหาร ซึ่งเป็นบททดสอบแรกของศรัทธาในศาสนา เพื่อนทหารประณามเขาว่า “ฉันไม่คิดว่านี่คือเรื่องศาสนา ฉันว่ามันเป็นเรื่องของความขี้ขลาด”
ฉากสงครามที่ Hacksaw Ridge เป็นฉากสงครามที่ดิบ โหดเหี้ยมและสมจริง เห็นความสับสนอลหม่านของการต่อสู้ที่โหดร้ายรุนแรง ทหารสัมพันธมิตรถูกระเบิดตับไตไส้พุงกระจาย ไฟลุกท่วมตัวกระเด็นไปคนละทิศละทาง แขนขาขาด ศพกระรุ่งกระริ่ง แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อเอาชีวิตรอด ทหารบางคนต้องหิ้วศพเพื่อนที่เหลือแค่ครึ่งตัวขึ้นใช้เป็นโล่กำบังตัวเอง นี่เป็นฉากสงครามที่สยดสยอง ชวนแหวะ จนต้องหลับตา กิบสันใช้สเปเชียลเอฟเฟ็กต์แทนการใช้ CG จำนวนมหาศาล ทำทุกอย่างขึ้นมาจริงๆ เพื่อทำให้คนดูอินกับตัวละครและภาพที่ปรากฏ ถือเป็นฉากไฮไลท์ที่ทำให้หนังสงครามเรื่องนี้น่าจดจำ
ฉากสมรภูมิรบที่เปรียบเสมือนอยู่ในนรกนี้ ไม่ใช่แค่ทำให้คนดูหดหู่ เห็นความโหดร้ายของสงครามเท่านั้น บางคนอาจน้ำตารื้อเมื่อเห็นวีรกรรมกล้าหาญของชายที่ถูกเพื่อนตราหน้าว่าขี้ขลาด ทั้งๆ ที่หน่วยทหารของเขาถอยทัพออกไปแล้ว แต่เขากลับแฝงตัว แอบแบกเพื่อนทหารที่บาดเจ็บหย่อนตัวจากหน้าผา มารักษาที่เบื้องล่าง คำอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าของเขา ไม่ใช่ขอให้เขารอดชีวิต แต่เป็นการขอ “ให้ผมได้ช่วยอีกสักคนเถอะ” และจำนวนทหารที่เขาช่วยก็ไม่ใช่แค่คนสองคน แต่รวมแล้วเกือบแปดสิบคน เป็นฉากที่ลุ้นและตื่นเต้น ทั้งอยากให้เขารอด ทั้งอยากให้เขาช่วยทหารได้มากขึ้นๆ
แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งสีหน้า แววตาและท่าทาง สื่ออารมณ์สับสน เจ็บปวด ทั้งยามถูกกลั่นแกล้งรังแก และยามแสดงความกล้าหาญฝ่าอันตรายไปช่วยเพื่อน ไม่แปลกที่เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมปีนี้ ไม่ว่าเขาจะได้รางวัลนี้หรือไม่ เขาก็เป็นนักแสดงที่ทำให้คนจดจำว่า ฮีโร่ตัวจริงในโลกมนุษย์บางทีอาจจะไม่ได้มาในชุดรัดรูปแบบหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่เราคุ้นเคย และความกล้าหาญของมนุษย์นั้น ไม่จำเป็นต้องเกิดจากความรุนแรง แต่อาจเกิดจากความศรัทธาและความเชื่อมั่นอันบริสุทธิ์
