นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ จะพิจารณาเรื่องการทบทวนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(อีเอชไอเอ)ของโรงไฟฟ้ากระบี่ ว่า เอกชนเห็นด้วยปรับปรุงร่าง อีไอเอ และอีเอชไอเอ ใหม่ ที่เปิดให้ทุกภาคส่วนเข้าไปมีส่วนรวม เพื่อให้ถูกต้อง เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรักษาสิ่งแวดล้อม หากข้อสรุปความเห็นเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้คัดค้านการมีโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม แต่กังวลเรื่องการใช้ถ่านหิน วิตกจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
” ขณะนี้ใต้มีสำรองไฟฟ้า20% ถือว่ายังเพียงพอ ซึ่งยังสูงกว่ามาตรฐานที่ต้องมีสำรอง 15% แม้ 3-5 ปีข้างหน้าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มกว่าปัจจุบันอีกมาก และประเมินว่าปี 2568 หากไม่มีโรงไฟฟ้าเพิ่มจะขาดแคลน นั้น ก็ยังพอมีเวลาในการปรับปรุงร่างอีไอเอและอีเอชไอเอ แม้ใช้เวลาอีก 1-2 ปี แต่หากทุกฝ่ายพอใจ เป็นธรรม ไม่เป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม ก็ยังไม่สายเกินไป ดีกว่ากระทบสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวในอันดามันที่ต่อปีจะสร้างรายได้เป็นแสนๆล้านบาท ” นายวัฒนา กล่าว
