เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และสถานีโทรทัศน์พีซทีวี จัดเวทีทัศน์สานเสวนา เรื่องปรองดอง โดยพระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว แสดงธรรมบรรยายในหัวข้อ“หนทางปรองดองประเทศไทย”ตอนหนึ่งว่า สังคมตอนนี้เป็นสังคมป่วย ที่คนเกลียดชังกันอย่างรุนแรง แบ่งกันเป็นสีเสื้อ เรื่องของความขัดแย้งคนบางคนสูญเสียทางความคิดอย่างรุนแรง เราจะข้ามพ้นความล่มสลายของประเทศชาติ คือ เราต้องหาต้นตอของความขัดแย้งให้ได้ คือ 1.ต้องได้รับความเป็นธรรมทางสังคมให้ได้ 2.ต้องรักษาสังคมที่ป่วยทางสุขภาพ ขาดสุขภาวะทางจิตใจให้ได้เบาบางลง 3.ต้องรักษาความไร้ซึ่งสันติสุขและสันติภาพ ถ้าเราทำให้เห็นคุณและโทษของความปรองดอง ก็ย่อมจะเห็นเรื่องความปรองดองได้ไม่ยาก ความสามัคคีปรองดองก็จะทำให้ทุกเรื่องจากหนักกลายเป็นเบา ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าการปรองดองครั้งนี้บรรยากาศน่าจะดีกว่าทุกครั้ง ถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จก็ชาติหน้าตอนบ่ายๆ หรืออย่างแย่ที่สุดคงทำให้ทุกฝ่ายได้เห็นบทเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ปรับท่าที
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.กล่าวว่า ทางกลุ่มนปช.ได้รับหนังสือเชิญเข้าร่วมแสดงความเห็นต่อประเด็นการสร้างความปรองดอง ลงนามโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นปช.ยินดีจะไปตามนัดในวันที่ 13 มีนาคม เพราะลำพังบุคคลธรรมดามาพูดเรื่องปรองดองคงหมดความน่าเชื่อไปแล้ว ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ใครพูดเรื่องปรองดองก็หลอกลวงกันไปหมด แต่ครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. นำพระกระแสรับสั่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มานำร่องพูดเรื่องการปรองดอง การปรองดองเป็นหน้าที่ของคนไทย เรามีหน้าที่ให้ความร่วมมือ พยายามไม่เป็นอุปสรรค แต่เรื่องความสำเร็จเป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ ถ้าปรองดองครั้งนี้ไม่จบก็คือจบ ใครที่รับผิดชอบเรื่องนี้ก็ต้องรับผิดชอบไป ขอให้พี่น้องนปช.สบายใจว่าเราจะรักษาความถูกต้องไม่มีการทรยศต่อวีรชน เรื่องคดีความต่างๆ ต้องอยู่ในการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ระยะเวลา 3 เดือนจากนี้ถือเป็นการพิสูจน์ ของให้พี่น้องนปช.รอดูผลสรุปเรื่องความปรองดอง
