“ดีเอสไอ”เผย”ยอด พระ-ศิษย์ ในวัดธรรมกายมี 6พัน แจงเหตุปะทะช่วงเช้า เจ็บ 5 ไร้ซี่โครงหัก

“ดีเอสไอ”เผย”พระ-ลูกศิษย์” ในวัดธรรมกาย6,000 คน ยันจนท.ไม่ใช้ความรุนแรง ปะทะเมื่อเช้า “จนท.-ปชช.” เจ็บ 5 ไร้ข่าวซี่โครงหัก

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษก ดีเอสไอ พร้อมด้วยพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษก ดีเอสไอ ร่วมกันแถลงสรุปผลปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อดำเนินการจับกุมพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพสกัดกั้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำร้ายร่างกายพระและประชาชน ขอยืนยันว่าการดำเนินการของรัญเป็นไปตามกรอบกฎหมาย และพยายามให้เป็นไปตามขั้นตอน เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง หลายครั้งจะเห็นว่าเราดำเนินการโดยใช้เจ้าหน้าที่หญิงเพื่อลดแรงกระทบกระทั่ง อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จากการพูดคุยกันของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีประเด็นในที่ประชุมหลายประเด็น คือ 1.เรื่องนี้จะยืดเยื้อไปอีกเท่าไหร่ ก็การดำเนินการกับผู้กระทำความผิดตามหมายจับซึ่งมีอยู่เพียงคนเดียว เราต้องดำเนินการตามกฎหมายจนกว่าจะสามารถจับกุมตัวได้ และแผนดำเนินการจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในแต่ละวัน

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับมวลชนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ได้รับรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บ 5 ราย แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ 3 ราย และประชาชน 2 ราย ซึ่งเป็นแผลทะลอกจากการหกล้อม ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องซี่โครงหักตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ จากการพูดคุยในวันนี้กัหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอเรียนว่าการดำเนินการพูดคุยกันไม่อยากให้เกิดแบบนี้ขึ้นอีก อีกทั้ง หากทางวัดต้องการพูดคุยเพื่อประณีประนอมยอมความ ในส่วนของเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะพูดคุยอยู่แล้ว หากผู้ต้องหาเพียงคนเดียวมามอบตัวเรื่องก็จบ

Advertisement

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า สำหรับการที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าไปดำเนินการตรวจสอบใบสุทธิของพระภายสงฆ์ในวัดพระธรรมกายนั้น ทางวัดได้มีการระดมคนเข้าไปภายในวัดผ่านทางโซเชียลมีเดียลักษณะเหมือนกองทัพมในหลายจุดทำให้ยากต่อการดำเนินการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางวัดได้ขอเวลาที่จะชี้แจงให้ทราบอีกครั้งในวันที่ 21 ก.พ.นี้ เพื่อจะได้เข้าไปตรวจสอบ ส่วนการประสานงานกับทางวัดพระธรรมกายนั้น พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้มีการประสานกับทางวัดอยู่ตลอด นอกจากนี้ กรณีการเชิญพระสงฆ์ 14 รูป ให้มารายงานตัวนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมาแต่อย่างใด หลังจากก็จะพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร อีกทั้ง การเรียกพระสงฆ์เพื่อมาพูดคุยและทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดการยั่วยุ

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวด้วยว่า ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่อยู่ภายในวัดให้ข่าวได้ในลักษณะที่ว่าถ้าออกมาจากวัดจะถูกจับกุมและดำเนินคดีนั้น ขอเรียนว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่มีนโยบายอย่างนั้น ซึ่งการออกข่าวไปในลักษณะนี้เพื่อเป็นการระดมเข้ามาในวัด ซึ่งหากบุคคลใดที่มีความประสงค์จะออกจากวัดก็สามารถออกมาได้เลยเจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความสะดวก ส่วนจะมีการยกระดับหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง เราพยายามดำเนินการอย่างละมุนละม่อมมากที่สุด เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การที่จะยกลระดับเรื่องนี้เราไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการติดตามตัวพระธัมมชโยอย่างไร พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้แบ่งการดำเนินการเป็นสองส่วนด้วยกัน คือ 1.การติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายในพื้นที่ ซึ่งเราจะต้องทำการตรวจค้นให้สิ้นข้อสงสัยในการดำเนินการว่าปัจจุบันท่านออกไปจากวัดแล้วหรือไม่ ซึ่งเราจะต้องตรวจสอบทุกจุด หากไม่สามารถทำได้ก็คงตอบไม่ได้ว่าปัจจุบันพระธัมมชโยจะอยู่ในวัดหรือไม่ และ 2.การติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับนอกพื้นที่ ทั้งนี้ การปฏิบัติงานของเราคือจับกุมบุคคลตามหมายจับ แต่ถ้าเกิดการขัดขวางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป รวมถึงกรณีที่มีการทุบกำแพงวัดเพื่อเข้าไปภายในวัดพระธรรมกายด้วย

Advertisement

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวถึงกรณีที่ต้องมีการออกหมายเรียกพระทัตตชีโว และพระสุธรรม รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังจากถูกออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นได้หายน้าไปเลยนั้น กรณีดังกล่าวจึงมีการออกหมายเรียกตามคำสั่ง คสช.ที่ 5/2560 เพื่อให้มาดำเนินการรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว และเพื่อให้มาปรากฎตัว ส่วนกรณีที่พระสงฆ์จากที่อื่นมารวมตัวทำกิจกรรมรอบพื้นที่ของวัดนั้น ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของการที่มีการปรับเพิ่มกำลังดูแลความปลอดภัย ต้องเรียนว่าเราเป็นห่วงประชาชนหรือพระภิกษุสงฆ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง จึงทำให้เกิดความกังวลจึงจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า จากการตรวจสอบจำนวนมวลชนที่อยู่ภายในวัดพระธรรกายนั้น พบว่าเป็นพระสงฆ์และสามเณร 2,000 รูป และประชาชน 4,000 คน ซึ่งจำนวนดังกล่าวยังไม่รวมมวลชนที่อยู่ภายนอกวัด ส่วนกรณีที่ทางวัดออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้กฎหมายมาตรา 44 นั้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน ไม่ว่าการจับ การค้น การควบคุมตัว ซึ่งเราคำนึงถึงสิ่งพวกนี้มาโดยตลอด ในส่วนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนในเรื่องการปฏิบัติที่มีการเรียกร้องเข้าไป เขาก็คงอ้างว่ามีการละเมิดสิทธิประชาชน ซึ่งเราต้องเรียนประชาชนทั่วไปให้ระมัดระวัง เพราะในทางปฏิบัติเราก็เห็นอยู่อย่างชัดเจนว่าเราดำเนินการอย่างรอบคอบและให้ความละเอียดอ่อนระมัดระวังในเรื่องนี้มาก จึงอยากให้ประชาชนระมัดระวังข้อมูลทางโซเชียลมีเดียเพราะจะทำให้เกิดการปลุกปั่นขึ้น

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า เบื้องต้นจากการตรวจค้นพื้นที่วัดพระธรรมกายในช่วง 2 วันแรก ได้มีการตรวจค้นอาคาร แต่ยังมีพื้นที่บางส่วนที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ครบถ้วน ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นได้มีการตรวจสอบห้องและอาคาร แต่ในทางการข่าวที่มีข้อมูลในจุดนั้นๆยังไม่สามรรถเข้าไปตรวจสอบได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image