09.00 INDEX ลักษณะ “รุก” ประสานลักษณะ “รับ” แนวรบ “ธรรมกาย” กับ “ดีเอสไอ”

ทั้งๆที่เริ่มต้นจาก “คดี”ธรรมดาๆ ว่าด้วยการรับของโจร ว่าด้วยการฟอกเงิน กับ “ธรรมกาย”
เหตุใดจึงต้องงัด”มาตรา 44″
คำถามที่ไม่ว่าจะเป็น “ดีเอสไอ” ไม่ว่าจะเป็น “ตำรวจ” ท่องกันติด 2 ริมฝีปากคือ
เพราะไม่ยอมออกมา “มอบตัว”
จึงพัฒนาไปสู่ “หมายจับ” จึงพัฒนาไปสู่ “หมายค้น” ยกพยุหโยธาร่วม 4,000 นาย
ทั้ง ดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร ไปจับ”พระ”รูปเดียว
ทั้งยังเป็นพระที่อ้างว่า “อาพาธ” ด้วยโรคเบาหวาน ต้องนอนแบบอยู่บนเตียง
ไม่สามารถ”เคลื่อนไหว”ได้ตามปกติ
แล้วผลจากเมื่อเดือนมิถุนายน ต่อเนื่องกระทั่งเดือนธันวาคม 2559 และเดือนกุมภาพันธ์ 2560 เป็นอย่างไร
ป่านนี้ยังไม่เห็นแม้กระทั่ง”เงา”

การที่”ดีเอสไอ”และ”ตำรวจ”ไม่สามารถจับตัว พระเทพญาณมหามุนี ได้ เป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน
เป็นเรื่องมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559
เป็นเรื่องตั้งแต่มีเพียง 1 คดีในเบื้องต้น บานปลาย ขยายเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 300 คดีในปัจจุบัน
พยายามมาแล้ว 2 ครั้งก็ไม่เป็นการ
ยิ่งกว่านั้น พยายามในหนที่ 3 ถึงขั้นนำเอา”มาตรา 44″มาเป็นเครื่องมือ ยังล้มเหลว
พื้นที่ “ธรรมกาย” เข้าไปได้จริงในวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์
แต่พอเข้าสู่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่เคยประเมินว่า “ควบคุม”ได้อย่างเบ็ดเสร็จก็เริ่มไม่เบ็ดเสร็จ
ประตู 1-2-3-4 ปิดได้จริง
แต่ประตู 5 ประตู 6 และรวมถึงประตู 7 เริ่มถูกท้าทาย หยั่งเชิง ประลองกำลัง
เท่ากับแหย่เข้าไปยัง “มาตรา 44”

อาจสรุปได้ว่า “ดีเอสไอ”และ”ตำรวจ”อยู่ในยุทธศาสตร์ขั้น “รุก”ไปยัง “ธรรมกาย” แน่นอน
ขณะที่”ธรรมกาย” ดำรงอยู่ในขั้น “รับ”
แต่สถานการณ์นับแต่เช้ามืดของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ยุทธศาสตร์ “รับ”ของทางด้านวัดพระธรรมกายก็เริ่มมีการแปรเปลี่ยน
พยายามที่จะ “รุก” จาก “ฐานที่ตั้ง”
กระทั่ง เกิดการประจันหน้าระหว่าง 2 ฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่บริเวณประตู 5 และ 6
ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ
สะท้อนให้เห็นว่าลักษณะที่เคยคิดว่า “เบ็ดเสร็จ” เริ่มจะ”ไม่ เบ็ดเสร็จ”ต่อไปอีกแล้ว
นี่เท่ากับท้าทายต่อความศักดิ์สิทธิ์ “มาตรา 44”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image