ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำเจ้าพระยา ใน จ.ชัยนาท ได้ลดลงแตะระดับวิกฤต ส่งผลให้แพข้ามฟากจาก อ.มโนรมย์ ไปยัง อ.เมืองอุทัยธานี จ่อที่จะต้องหยุดให้บริการจากปัญหาร่องน้ำที่ตื้นเขิน โดยจากการตรวจสอบที่บริเวณเกาะเทโพ ซึ่งอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นแบ่งเขต อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท กับ อ.เมืองอุทัยธานี ทำให้เห็นว่าระดับน้ำที่ลดต่ำลงแตะระดับวิกฤต 14 เมตร ในปัจจุบันซึ่งวัดได้ 14.31 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เริ่มส่งผลให้เกิดสันดอนทรายขวางร่องน้ำการเดินเรือของแพขนานยนต์ข้ามฟากระหว่าง 2 จังหวัด โดยผู้ประกอบการแพขนานยนต์เปิดเผยว่า หากระดับน้ำลดลงต่ำกว่าปัจจุบันอีก 10 ซม. จะยิ่งเพิ่มปัญหาในการเดินเรือ เพราะท้องเรือและใบพัดจะติดเนินทรายใต้น้ำ ทำให้เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนเสียหาย ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นอาจจะต้องพิจารณาหยุดให้บริการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร และลดความเสี่ยงต่อความเสียหายต่อระบบของแพ ซึ่งหากแพขนานยนต์หยุดให้บริการ ประชาชนที่เคยใช้บริการข้ามฟากระหว่าง 2 จังหวัด วันละกว่า 500 คัน จะต้องอ้อมไปใช้เส้นทางบกไกลออกไปอีกกว่า 20 กม.
ด้านนายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผวจ.ชัยนาท เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน จ.ชัยนาท ยังไม่มีพื้นที่ประกาศภัยพิบัติแล้ง เนื่องจากยังไม่ได้รับรายงานจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีหน้าที่ในการสำรวจผลกระทบและความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาภัยแล้ง แต่อย่างไรก็ตาม จ.ชัยนาท ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในระดับจังหวัดขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดชัยนาท เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัด เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ ซึ่ง จ.ชัยนาทได้เตรียมเงินทดรองราชการไว้ใช้กรณีภัยพิบัติแล้งฉุกเฉินของจังหวัดจำนวน 20 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาภัยแล้ง ที่คาดว่าจะรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปีได้
