ถอดรหัส”ฮอนด้า ซิตี้ 2017″ ทีเด็ดรถเก๋งเล็กยอดนิยม

คงต้องบอกว่าตำแหน่งรถเก๋งเล็กยอดนิยมของเมืองไทย ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นความพยายามสร้างผลงานชิ้นเอก จนสามารถผลิตรถยนต์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนไทย ที่มักมีมุมมองการใช้รถยนต์มากกว่าแค่เป็นยานพาหนะทั่วไป

แต่ยังเพื่อตอบสนองในแง่พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไทยที่มักต้องการในเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ ความสะดวกสบาย ความประหยัด และความหรูหราควบคู่กันไป

ค่ายฮอนด้า ได้พัฒนา รุ่น ซิตี้ จนปัจจุบันกลายเป็นรถเก๋งขวัญใจลูกค้าคนไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

city

Advertisement

 

ล่าสุด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้พัฒนา ซิตี้ ไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ 2017 รถเก๋งซีดาน 4 ประตู ขนาดซับคอมแพกต์

มาพร้อมกับความสดใหม่ภายใต้นิยามเดิม บี ยัวร์ เบสต์ (Be your best) ความหมายก็คือ เหนือกว่าที่สุด คือที่สุดในทุกด้าน เพื่อตอกย้ำความเป็นที่สุดในตลาดรถยนต์นั่งด้วยยอดขายอันดับหนึ่งในปี 2559 ทำให้ฮอนด้าสามารถครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

Advertisement

และในปี 2560 นี้ ฮอนด้าหมายมั่นปั้นมือว่าการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ฮอนด้า ซิตี้ จะช่วยตอกย้ำความเป็นรถยอดนิยมที่มียอดขายสูงที่สุดในเซ็กเมนต์ซับคอมแพกต์

ฮอนด้า ซิตี้ ไมเนอร์เชนจ์ มีการยกระดับความหรูหรา และความสปอร์ตยิ่งขึ้น ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทันสมัย และมาตรฐานความปลอดภัยครบครัน เพื่อช่วยต่อยอดความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

รถหลัก1

เป็นพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก แอดวานซ์ เอนเนอร์เจติก สมาร์ต สตาร์ (Advanced Energetic Smart Sta) เพื่อยกระดับฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ให้เหนือกว่าคู่แข่ง

ฮอนด้า ซิตี้ มาพร้อมกับการปรับดีไซน์ให้ดูทันสมัยขึ้น โดยจุดเด่นหลักๆ นั้นอยู่ที่ด้านหน้า กระจังหน้า ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟตัดหมอกที่แบบ LED ทั้งหมด แต่มีให้เฉพาะรุ่นย่อย SV และ SV+ เท่านั้น

ขณะที่รุ่นย่อยรองลงมาเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ และไม่มีไฟตัดหมอก ส่วนไฟวิ่งกลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Lights) มีมาให้ในทุกรุ่นย่อย ถือว่าเป็นครั้งแรกของรถขนาดซับคอมแพกต์ที่ติดตั้งมาให้ครบขนาดนี้

รถหลัก9

กันชนหน้าหลังต่างจากเดิมเล็กน้อย ล้ออัลลอยลายใหม่ดีไซน์สปอร์ต ให้มาในรุ่นย่อย SV และ SV+ จะเป็นขนาด 16 นิ้ว หากเป็นรุ่นย่อย V และ V+ จะเป็นขนาด 15 นิ้ว ขณะที่รุ่นพื้นฐาน S เป็นล้อกระทะพร้อมฝาครอบขนาดเท่ากับรุ่นย่อย V

ห้องโดยสารไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ยังคงรักษามาตรฐานจุดเด่นของรถยนต์ฮอนด้า ในเรื่องของความสะดวกสบาย ไว้อย่างเหนียวแน่น แต่มีส่วนที่เพิ่มเติมให้ดูทันสมัยขึ้น เช่น มาตรวัดใหม่ แผงคอนโซลสีกันเมทัลลิก (Gun Metallic) ดูเข้มขึ้นกับเบาะนั่งลายใหม่เพิ่มความสปอร์ต ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้าแบบ LED และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED

รถหลัก3

ส่วนพื้นที่ใช้สอยยังคงกว้างขวาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีมาให้ค่อนข้างครบถ้วน แตกต่างกันในแต่ละรุ่นย่อย เช่น ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS พร้อมช่องเชื่อมต่อภาพและเสียง HDMI (เฉพาะรุ่น V+, SV และ SV+)

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบสัมผัส (เฉพาะรุ่น V+, SV และ SV+) ลำโพง 8 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น SV และ SV+) ช่องจ่ายไฟสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น SV และ SV+)

รถหลัก2

พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) 7 สปีด และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) รวมถึงสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่มาพร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย (เฉพาะรุ่น SV และ SV+)

นอกจากนี้ยังมี ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์อัจฉริยะ และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ

รถหลัก5

ด้านขุมพลังเครื่องยนต์ยังคงเป็นบล็อกเดิม จากรุ่นที่แล้ว เพราะถือว่าค่อนข้างลงตัว ทั้งในแง่สมรรถนะ และความประหยัด เป็นเครื่องรหัส SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที มีทั้งรุ่นระบบเกียร์ CVT พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม อัตราประหยัดน้ำมันที่ 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร และรุ่นเกียร์ธรรมดา ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 18.2 กิโลเมตรต่อลิตร ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 เพื่อการขับขี่อย่างประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ระบบความปลอดภัย มีมาให้ครบถ้วนเหมือนกับรุ่นก่อน ทั้ง ถุงลมนิรภัย 6 จุด ที่ประกอบไปด้วยด้านหน้า 2 จุด ด้านข้าง 2 จุด และม่านถุงลมนิรภัย 2 จุด (เฉพาะรุ่นย่อย SV+ ส่วนรุ่นย่อยอื่น ๆ ที่เหลือมีให้เฉพาะถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 จุดเท่านั้น)

รถหลัก4

กล้องส่องภาพด้านหลังขณะถอยจอดปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (เฉพาะรุ่นย่อย V+, SV และ SV+ เท่านั้น)

ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (ทุกรุ่นย่อย) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) ช่วยป้องกันการลื่นไถล (ทุกรุ่นย่อย)

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบส่งสัญญาณเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน (ESS) เมื่อเบรกอย่างรุนแรงไฟฉุกเฉินจะกะพริบอัตโนมัติ (ทุกรุ่นย่อย)

รถหลัก6

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มีทั้งหมด 6 รุ่น เริ่มจากราคา รุ่น S MT 550,000 บาท รุ่น S CVT 589,000 บาท รุ่น V CVT 649,000 บาท รุ่น V+ CVT 689,000 บาท รุ่น SV+ CVT 751,000 บาท รุ่น SV CVT 736,000 บาท

มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก), สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท, สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก), สีขาวทาฟเฟต้า, สีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) พร้อมสีภายในห้องโดยสารสีดำ

รถหลัก7

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ นับว่าเป็นตัวอย่างของการพัฒนาแบบไม่หยุดยั้งและไม่บันยะบันยังของรถเก๋งเล็กระดับชั้นนำ และยังเป็นการตอบคำถามได้อย่างชัดเจนว่า เพราะอะไร ฮอนด้า ซิตี้ ถึง เป็นรถยอดนิยมแถวหน้า ไม่ว่าคู่แข่งจะแกร่งและใหญ่แค่ไหน ก็กินฮอนด้า ซิตี้ ไม่ลงด้วยประการฉะนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image