เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจค้นวัดพระธรรมกายว่า จะยึดแนวทางปฏิบัติตามข้อกฎหมายต่อไป ส่วนการดูแลพระสงฆ์ในเรื่องอาหาร การเข้าออกพื้นที่ ได้อำนวยความสะดวกจัดส่งอาหารและบิณฑบาตได้ตามปกติ ไม่ใช่ปิดล้อมให้อดอาหาร ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย อำนวยความสะดวกเรื่องอาหารมาตลอด รวมทั้งเจ้าคณะจังหวัดได้แต่งตั้งเจ้าคณะอำเภอและพระวิญญาธิการเข้ามาช่วยดูแลเป็นประจำทุกวันวันละ 9 รูป อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติจำแนกแยกแยะเรื่องใดที่เกี่ยวกับกิจของสงฆ์จะมอบให้คณะสงฆ์ช่วยดูแล ขอให้สำนักพระพุทธศาสนนา(พศ.)เข้ามาสนับสนุน แต่ในส่วนผู้ที่ปลุกระดมขัดขวางการทำงาน ของเจ้าหน้าที่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องดำเนินการไปตามข้อกฎหมาย
“อยากให้สังคมมองดูปฐมเหตุของความเป็นมาตั้งแต่เริ่มต้น เรื่องนี้เป็นคดีความที่มี ผู้ต้องหา 5 คน ส่งฟ้องแล้ว 3 คน หลบหนีไป 2 คน 1 ในนั้นคือพระธัมมชโย เราเคยตระหนักกันหรือไม่ว่าความเสียหายของสหกรณ์คลองจั่นส่งผลกระทบต่อคน 50,000 คนที่เป็นสมาชิก ถ้ารวมครอบครัวคนเกี่ยวข้องรอบข้างคงมีเป็นแสนคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้จากเงินเดือน กินบำนาญ แต่ต้องหมดเนื้อหมดตัวเมื่อถูกโกง ปัจจุบันศาลอนุมัติให้ทำแผนฟื้นฟู แต่การฟื้นฟูไม่ได้ราบรื่น เพราะสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก เงินใช้หนี้ลูกหนี้ไปไม่ถึงสมาชิกรายย่อย คนเหล่านี้ยังเดือดร้อนสาหัสกับสิ่งที่เกิดขึ้น การมีข้ออ้างว่าได้นำเงินคืนไปแล้วถือว่าจบแล้วเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว คงไม่ถูกต้อง เพราะปฐมเหตุไม่ใช่แค่ตัวเงินที่อยู่ในบัญชี”นายสุวพันธุ์กล่าว
นายสุวพันธุ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องชายสูงอายุที่เสียชีวิต ถือเป็นเรื่องน่าเสียใจ เศร้าสลดใจ ตนขอแสดงความเสียใจกับ ครอบครัวของคุณลุงด้วย ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสุดกำลังความสามารถเพื่อทำให้เรื่องเมื่อคืนนี้ไม่ต้องจบลงแบบนี้ ดีเอสไอจะเข้าไปช่วยเหลือครอบครัว รวมทั้งดูแลการจัดงานศพ ความจริงทุกฝ่ายสามารถป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงการสูญเสีย ซึ่งฝ่ายรัฐได้ทำแล้วด้วยการปฏิบัติอย่างระมัดระวัง ไม่ยั่วยุ อดทน มีวินัย ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ ถึงเวลานี้ทางวัดพระธรรมกายควรทบทวนบทบาทให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง
