สามารถ ชี้ สายสีม่วงชกไม่ตรงเป้า ลด15บาทตลอดสายแค่วันหยุด ทำเจ๊งเพิ่มวันละแสน

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯกทม. โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก หัวข้อ ลดราคาสายสีม่วงวันหยุด 15 บาท ตลอดสาย “ชกไม่ตรงเป้า” ระบุว่า ตามที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ชี้แจงกรณีที่ผมได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กมาหลายครั้งเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งมีผู้โดยสารน้อยมาก ทำให้รฟม.ต้องแบกภาระการขาดทุนมากว่า 6 เดือน แล้วนั้น ผมขอเรียนให้ผู้เกี่ยวข้องทุกท่านทราบว่า ผมเข้าใจดีว่าการให้บริการสาธารณะ ดังเช่น รถไฟฟ้านั้น รัฐไม่ได้หวังผลกำไรเป็นสำคัญ เพราะถือเป็น “พันธกิจสาธารณะ” (Public Service Obligation หรือพีเอสโอ) ที่รัฐจะต้องช่วยเหลือประชาชน แต่รฟม.จะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อลดการขาดทุนลงให้ได้

การที่รฟม.อ้างว่ารฟม.มุ่งหวังที่จะช่วยลดการใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิง ลดมลภาวะ และลดเวลาการเดินทางของประชาชนนั้น ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่รถไฟฟ้าสายสีม่วงจะต้องมีผู้โดยสารจำนวนมากพอ ไม่ใช่มีผู้โดยสารแค่เพียงเฉลี่ย 20,621 คนต่อวันเท่านั้น (นับถึงวันที่ 31 มกราคม 2560) ซึ่งถือว่าน้อยมาก น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่า จะมีผู้โดยสารประมาณ 220,000 คนต่อวัน ในปีแรกที่เปิดให้บริการ

อย่างไรก็ตาม ผมขอชื่นชมรฟม.ที่เริ่มกระตือรือร้นหาหนทางที่จะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นโดยการประกาศใช้มาตรการเร่งรัด 8 มาตรการ ตามที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วนั้น ผมเห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว แต่อยากขอให้รฟม.ปรับแก้มาตรการลดค่าโดยสาร ซึ่งรฟม.จะลดลงเหลือ 15 บาท ตลอดสายเฉพาะวันหยุด (เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เท่านั้น แต่คนทั่วไปเข้าใจกันว่าจะลดทุกวัน

หากยังจำกันได้ตอนเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใหม่ๆ แล้วมีผู้โดยสารน้อย ผมได้เสนอให้รฟม.ปรับลดค่าโดยสาร ซึ่งรฟม.ก็ได้ลดค่าโดยสารลงจาก 14-42 บาท เป็น 14-29 บาท คิดตามระยะทาง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 เป็นต้นมา พร้อมทั้งคุยว่าจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 30% แต่ผมได้แย้งไปว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึง 30% ซึ่งก็เป็นจริงตามที่ได้ผมแย้งไป เพราะหลังจากลดค่าโดยสารผ่านไปเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว พบว่ามีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 2.3% เท่านั้น กล่าวคือ ก่อนลดค่าโดยสารมีผู้โดยสารเฉลี่ย 20,164 คนต่อวัน และหลังลดค่าโดยสารมีผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 20,621 คนต่อวัน (นับถึงวันที่ 31 มกราคม 2560) พร้อมกันนั้นผมได้เกริ่นไว้ว่าจะต้องมีการลดค่าโดยสารครั้งต่อไปแน่ ซึ่งรฟม.ก็ได้ประกาศที่จะลดค่าโดยสารครั้งที่ 2 เป็นไปตามคำพูดของผม
การลดค่าโดยสารเหลือ 15 บาท ตลอดสายเฉพาะวันหยุดจนกว่าจะมีการเชื่อมต่อสถานีเตาปูนกับสถานีบางซื่อนั้น จะไม่ช่วยให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น เพราะวันหยุดเป็นวันที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางอย่างรีบเร่งเหมือนวันทำงาน แต่เป็นวันพักผ่อน ไปเที่ยว หรือไปซื้อของ อีกทั้ง มีรถติดน้อยกว่าวันธรรมดา อย่างไรก็ตาม อาจจะมีบางคนเลือกใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงบ้าง แต่ไม่มาก ดังจะเห็นได้จากผู้โดยสารในวันหยุดตั้งแต่เปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2559 เป็นต้นมา มีปริมาณลดลงทุกเดือน ดังนี้

Advertisement

6-31 สิงหาคม 2559 วันธรรมดา 20,478 คน วันหยุด 19,570 คน หรือ 95.6% ของวันธรรมดา
1-30 กันยายน 2559 วันธรรมดา 22,646 คน วันหยุด 16,437 คน หรือ 72.6% ของวันธรรมดา
1-31 ตุลาคม 2559 วันธรรมดา 24,187 คน วันหยุด 15,935 คน หรือ 65.9% ของวันธรรมดา
1-30 พฤศจิกายน 2559 วันธรรมดา 24,234 คน วันหยุด 14,264 คน หรือ 58.9% ของวันธรรมดา
1-31 ธันวาคม 2559 วันธรรมดา 23,048 คน วันหยุด 12,093 คน หรือ 52.5% ของวันธรรมดา
1-31 มกราคม 2560 วันธรรมดา 24,235 คน วันหยุด 13,521 คน หรือ 55.8% ของวันธรรมดา

จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 เป็นต้นมา ซึ่งแม้ว่ารฟม.ได้ลดค่าโดยสารลงมาแล้วก็ตาม แต่ปริมาณผู้โดยสารในวันหยุดกลับลดลงทุกเดือนเมื่อเทียบกับปริมาณผู้โดยสารก่อนลดค่าโดยสาร โดยมีปริมาณผู้โดยสารในวันหยุดในช่วงเปิดให้บริการใหม่ๆ สูงกว่าในช่วงเวลาต่อมา ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะว่าในช่วงแรกนั้น ประชาชนต้องการทดลองใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วงก็เป็นไปได้ พูดได้ว่ากำลังเห่อของใหม่

ด้วยเหตุนี้ การลดค่าโดยสารเหลือ 15 บาท ตลอดสายเฉพาะวันหยุด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2560 เป็นต้นไปนั้น จะไม่ได้ผลหรือเป็นการ “ชกไม่ตรงเป้า” เพราะประชาชนไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางในวันหยุด นอกจากจะไม่มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นแล้ว รฟม.ยังจะต้องสูญเสียรายได้ในวันหยุดประมาณวันละ 100,000 บาท อีกด้วย ดังนั้น ผมจึงขอเสนอแนะให้รฟม.ลดค่าโดยสารเป็น 15 บาท ตลอดสายทุกวัน จนกว่าจะมีการเชื่อมต่อสถานีเตาปูนกับสถานีบางซื่อ

น่าแปลกใจที่คณะกรรมการหรือบอร์ดรฟม.พิจารณาอนุมัติให้ลดค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสายเฉพาะวันหยุดเท่านั้น เพราะข้อมูลทุกอย่างก็มีพร้อมอยู่แล้ว น่าจะนำมาวิเคราะห์ให้เป็นประโยชน์ประกอบการพิจารณาอนุมัติ

หากมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหากันอย่างจริงจัง ผมมั่นใจว่าบอร์ดและผู้บริหารรฟม.สามารถทำได้ ที่สำคัญ เรื่องแค่นี้อย่าให้ต้องถึงท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ฯ เลยครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image