รองโฆษกดีเอสไอ ปัดตอบงบฯ10 วัน 50 ล้านปฏิบัติการค้น”ธรรมกาย” เผยเปลี่ยน”ผอ.พศ.” ประสานงานคล่องขึ้น”อนวัช”ผูกคอสูญเสียทั้งสองฝ่าย

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ (แฟ้มภาพ)

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และรองโฆษก ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ 65 ปี ที่กระทำอัตวินิบาตกรรม เพื่อต่อต้านกฎหมายมาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย ว่า ในฐานะตัวแทนและรองโฆษกของดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย มีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นเรื่องการสูญเสียทั้งสองฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติงานและฝ่ายของวัดพระธรรมกาย รวมถึงบุคคลที่มาร่วมชุมนุม ซึ่งไม่มีความประสงค์จะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงถือว่าเป็นการสูญเสียในภาพรวมของทุกคน

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า ผู้บังคับบัญชาได้มีข้อสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติทุกคนให้ระมัดระวังและดูแลบุคคลด้วย ขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นเรื่องของการสูญเสียของทุกคน ดังนั้น จึงฝากเรียนไปทางคณะสงฆ์และบุคคลที่มาร่วมชุมนุมด้วยว่าขอให้ช่วยสอดส่องดูแลด้วยเช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เราจึงต้องร่วมมือกันอย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ เมื่อคืนของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ และโฆษกดีเอสไอ ได้ไปร่วมในพิธีสวดพระอภิธรรมในงานศพของนายอนวัชด้วย พร้อมทั้งนำเงิน 50,000 บาทพร้อมพวงหรีดไปช่วยในเรื่องของการจัดงานศพด้วย

รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบใบสุทธิของพระสงฆ์และสามเณร ที่บริเวณประตู 7 และตลาดกลางคลองหลวงนั้น ได้ความช่วยเหลือจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งได้จัดเตรียมพระวินยาธิการ ไปร่วมอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ส่วนประเด็นการขึ้นป้ายบริหอสูงใกล้หอฉันท์ของวัดพระธรรมกาย โดยมีข้อความระบุว่า “we need food” ซึ่งเกี่ยวกับว่าเราต้องการอาหารนั้น เนื่องจากเป็นการสื่อสารออกไปเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจจะถูกมองออกไปว่าเราดำเนินการโดยไม่ยึดหลักสิทธิมนุษยธรรม ดังนั้น จึงอยากให้สื่อมวลชนเดินทางไปพร้อมที่ตนที่บริเวณประตู 7 ของวัดพระธรรมกาย เพื่อสอบถามพระวินยาธิการและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตรงนั้นว่ามีการจัดการเรื่องอาหารอย่างไร

รองโฆษก ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่จับกุมตัวพล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทร์ อายุ 73 ปี พร้อมเสื้อเกราะ มีด 3 เล่ม และกระดาษโปสเตอร์เขียนคำว่านายอนวัช ธนเจริญณัฐ วีรบุรุษชาวพุทธ เสียสละชีวิตให้เลิก มาตรา 44 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น เนื่องจากพล.ต.ต.รุ่งโรจน์ได้ขับรถผ่านมา และเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้น พบเสื้อเกราะกันกระสุน 2 ตัว มีด 3 เล่ม รวมถึงกระเป๋าเอกสารเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายด้วย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับพ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ที่สภ.คลองหลวงแล้ว

Advertisement

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า วันเดียวกันเมื่อช่วงบ่าย ฝ่ายข่าวได้มีการบันทึกภาพของพล.ต.ต.รุ่งโรจน์ได้มาที่บริเวณที่มีการชุมนุมและมีการโชว์ป้าย ก่อนจะมาพบอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการดำเนินการจับกุม อีกทั้ง พฤติการณ์ของพล.ต.ต.รุ่งโรจน์ก็ค่อนข้างชัดเจนที่มีการชูป้ายอยู่ในพื้นที่ชุมนุม

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการเปลี่ยนตัว ผอ.พศ. จะส่งผลให้แนวทางการทำงานเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจาก พศ. อยู่แล้ว แต่เมื่อมีการแต่งตั้งทางเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอไปเป็นผอ.พศ. ก็คิดว่าการประสานงานติดต่อก็มีความสะดวกขึ้นเพราะเรามีความรู้จักคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ส่วนกรณีการตรวจสอบใบสุทธิพระสงฆ์ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้มากนัก และมีการห่วงมือที่สามจะเข้ามาก่อเหตุความวุ่นายนั้น ทางเราได้ขอให้ พศ. เร่งรัดตรวจสอบใบสุทธิของพระสงฆ์ภายในวัดโดยเร็ว และคิดว่ามาตราการเชิงรุกเกี่ยวกับสงฆ์จะมีความชัดเจนขึ้น

ถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริเวณประตู 4 ด้านหลังของวัดพระธรรมกาย หลังมีรายงานว่ามีกลุ่มพระสงฆ์ไปรวมตัวอยู่ที่นั่น พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เบื้องต้นมีรายงานเข้ามาว่ามีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบใบสุทธิพระ แต่ในรายละเอียดยังไม่มีการรายงานผลเข้ามา จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอม
ถามถึงทางวัดพระธรรมกายให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยอ้างถึงตัวเลขงบประมาณ 50 ล้าน ที่ผ่านมา 10 วันในการปฏิบัติงานของดีเอสไอ พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และทีมโฆษกไม่มีข้อมูลในส่วนนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image