เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายมนัส ประจวบจินดา ผู้อำนวยเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกรณี จ.ส.อ.เจด็จ มโนภาส อายุ 71 ปี หรือ “ลุงอู๊ด” คนรักต้นไม้ในซอยชุมชนโรงคราม ทางเข้า สน.บุปผาราม เขตธนบุรี ได้ขึ้นไปทำห้างร้านเพื่อประท้วง กทม.ไม่ให้ตัดต้นไม้ ว่า กรณีนี้เขตได้เข้าไปตัดต้นไม้บริเวณดังกล่าวจริง เนื่องจากต้องปรับปรุงถนนและวางท่อระบายน้ำ ซึ่งพบว่าต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่นี้ได้กีดขวางการปรับปรุงถนนด้วยรากที่มีขนาดใหญ่ เป็นอุปสรรคในการทำงานของ กทม. จึงตัดสินใจตัดต้นไม้ดังกล่าว โดย กทม.ได้ทำการสำรวจต้นไม้ทั้ง 3 ต้น แล้วพบว่าต้นไม้ได้ขึ้นเองตามธรรมชาติ และอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เอกชนหรือบ้านของชาวบ้านแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุใดที่ กทม.ไม่ล้อมต้นไม้ดังกล่าว นายประจวบ กล่าวว่า ต้นไทรและต้นมะขามมีอายุมากแล้ว เป็นต้นไม้ที่ทำอันตรายต่อบ้านเรือนและไม่ใช่ต้นไม้ประเภทที่จะต้องทำการอนุรักษ์เหมือนอย่างต้นมะฮอกกานีที่เป็นพันธุ์ไม้อนุรักษ์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบว่า ต้นไม้ดังกล่าวมีขนาดใหญ่ซึ่งอาจโค่นล้มใส่บ้านเรือนประชาชนในละแวก เขตได้คำนึงถึงชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของประชาชน จึงตัดสินใจที่จะตัดต้นไม้
“สำหรับแนวทาง เบื้องต้นเขตได้ประชุมหารือกันถึงแนวทางในความเป็นได้เพื่อหลีกเหลี่ยงที่จะตัดต้นไม้ที่เหลืออีก 1 ต้น เพราะมีเสียงประชาชนเรียกร้องการยุติการตัดดังกล่าว โดยเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน กทม.ได้หารือร่วมกัน โดยเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจากับลุงอู๊ด ล่าสุดได้ข้อยุติร่วมกันว่า ลุงอู๊ดอนุญาตให้ตัดต้นไม้ที่เหลืออีกครึ่งต้น ด้วยสาเหตุ 3 ประการหลัก ได้แก่ 1.ต้องปรับปรุงภูมิทัศน์ซอยชุมชนโรงคราม 2.หากปล่อยทิ้งไว้ รากของต้นไม้จะเข้าไปท่อระบายน้ำ ขัดขวางต่อทางเดินน้ำ และ 3.ก่อให้เกิดอันตรายต่อบ้านเรือนในละแวก” นายมนัส กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องดีที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่กรุงเทพฯ
