สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม นายอาหมัด ซาฮิด ฮามิดี รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของมาเลเซียเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือไม่อนุญาตให้ชาวมาเลเซียเดินทางออกนอกเกาหลีเหนือ โดยมีผลในทันที ซึ่งเป็นมาตรการแบบตาต่อตาฟันต่อฟันหลังความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซียกับเกาหลีเหนือย่ำแย่ลงจากเหตุการสอบสวนคดีการลอบสังหารนายคิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือได้แจ้งว่า จะสั่งห้ามชาวมาเลเซียเดินทางออกนอกเกาหลีเหนือชั่วคราว เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทูตและพลเรือนชาวเกาหลีเหนือที่อยู่ในมาเลเซีย จะปลอดภัย
วันเดียวกันนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ออกมาเรียกร้องให้เกาหลีเหนือปล่อยตัวพลเรือนมาเลเซียที่อยู่ในเกาหลีเหนือทั้งหมดในทันที และว่าการจับพลเรือนชาวมาเลเซียเอาไว้เป็นตัวประกันเยี่ยงนี้ เป็นกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศและด้านการทูต พร้อมกันนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นชาวเกาหลีเหนือทั้งหมดที่อยู่ในมาเลเซียไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศมาเลเซียจนกว่าจะแน่ใจว่าชาวมาเลเซียทั้งหมดในเกาหลีเหนือจะปลอดภัย
รายงานข่าวแจ้งว่า มีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียเข้าปิดกั้นบริเวณหน้าสถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย โดยนายนูร์ จาซลัน โมฮาเหม็ด รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยมาเลเซีย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวนอกสถานทูตเกาหลีเหนือว่า เหตุที่ต้องปิดสถานทูตเกาหลีเหนือเพื่อที่ต้องการระบุตัวตนของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของสถานทูตว่ามีใครอยุ่บ้าง และบรรดาเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกสถานทูตจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบได้ครบว่ามีกี่คนและอยู่ที่ใดกันบ้าง
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือได้สั่งเนรเทศนายโมฮาหมัด นีซาน โมฮาหมัด เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำเกาหลีเหนือกลับประเทศ เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลมาเลเซียสั่งขับนายคัง ชอล เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำมาเลเซียพ้นประเทศ โดยมีรายงานว่านายคัง ชอลได้เดินทางออกนอกประเทศมาเลเซียแล้วเมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา