ทล.ลุยก่อสร้างมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช พัทยา-มาบตาพุด บางใหญ่-กาญจน์ มั่นใจเปิดบริการปี’62

รายงานข่าวจากกรมทางหลวง(ทล.)แจ้งว่า ตั้งแต่ปี 2559 ที่ผ่านมา ทล.ได้ทยอยก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์)สายต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน–สระบุรี–นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร(กม.) วงเงิน76,600 ล้านบาท ที่แบ่งก่อสร้างออกเป็น 40 ตอน ปัจจุบันลงนามสัญญาแล้ว 25 ตอน คงเหลือ 15 ตอน ขณะนี้ได้ผู้รับจ้างครบแล้ว คาดว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)จะอนุมัติในวันที่ 14 มีนาคมนี้ จากนั้นจะลงนามในสัญญาทันที ส่วนงานก่อสร้างมีความคืบหน้าไปมาก เช่น ตอนที่ 7 -8 -9 ซึ่งเป็นส่วนของงานสร้างสะพานยกระดับ มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2562

สำหรับมอเตอร์เวย์สายนี้ เบื้องต้นกำหนดอัตราค่าบริการกิโลเมตรละ 1.25 บาท หรือประมาณ 245 บาทตลอดเส้นทาง มีที่พักริมทางในช่วง 25 กิโลเมตรแรก จากนั้นกิโลเมตรที่ 50 จะเป็นสถานีบริการทางหลวง และกิโลเมตรที่ 75 จะเป็นที่พักริมทาง และพื้นที่ศูนย์บริการทางหลวงบริเวณกิโลเมตรที่ 100 โดยมอเตอร์เวย์สายนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางเหลือประมาณ 2 ชั่วโมง จากปัจจุบันที่ต้องใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง

ส่วนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายพัทยา–มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 17,819,.47 ล้านบาท แบ่งงานก่อสร้างเป็น 13 ตอน ที่ผ่านมาลงนามในสัญญาครบแล้วทั้ง 13 ตอนแล้ว ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้า 24.52% ส่วนงานระบบ เช่น ด่านเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมจราจร และด่านชั่งน้ำหนัก จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างระหว่างปี 2561–2562 จะเปิดให้บริการภายในปี 2562 เช่นเดียวกัน
สุดท้าย คือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. วงเงิน 49,120 ล้านบาท แบ่งงานก่อสร้างเป็น 25 ตอน ปัจจุบันลงนามในสัญญาแล้ว 19 ตอน คงเหลือ 6 ตอน ในจำนวนนี้คาดว่า 5 ตอนจะลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ส่วนอีก 1 ตอนอยู่ในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง มีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดปี 2562

นอกจากนี้ยังมีทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายหาดใหญ่-สะเดา ระยะทาง 62.59 กม. วงเงิน 30,500 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในแอ๊คชั่นแพลน ระยะที่ 2 ปี 2560 ที่กรมทางหลวงจะต้องก่อสร้าง ล่าสุดได้ออกแบบก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(คชก.)และพิจารณารูปแบบการลงทุน เมื่อทุกโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะช่วยเสริมศักยภาพด้านคมนาคมขนส่งทางถนน และระบบโลจิสติกส์ รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมภาคธุรกิจการค้า การท่องเที่ยวได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image