เปลี่ยนมาตรฐานคุณภาพการศึกษา ทำโรงเรียนเป็น ‘แหล่งเรียนรู้ที่มีความสุข’

จังหวัดสุราษฎร์ธานี องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัชชาการศึกษาจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินหน้ายกระดับพัฒนาคุณภาพการศึกษาภายใต้แนวคิดการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ Area-Based Education (ABE) จับมือสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมขับเคลื่อน “โครงการวิจัยและปฏิบัติการโรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง (SQIP)” เพื่อยกระดับการเรียนรู้และพัฒนามาตรฐานการศึกษาในโรงเรียนขนาดกลางและเล็กอย่างยั่งยืน

จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็น 1 ใน 14 จังหวัดนำร่องในการ “ปฏิรูปการศึกษา” ภายใต้โครงการจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้หรือการจัดการศึกษาโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน (Area-Based Education) และล่าสุดได้ร่วมกับ สสค. และ สกว. นำ “โครงการวิจัยและปฏิบัติการโรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง” (School Quality Improvement Program: SQIP) มาใช้กับโรงเรียนขนาดกลางและเล็กในพื้นที่ เพื่อแสวงหาแนวทางการพัฒนาโรงเรียนทั้งในด้านของคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และการพัฒนาโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้อย่างมีความสุข

นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ สสค. เปิดเผยว่า จากข้อมูลของธนาคารโลก พบว่าประเทศไทยมีปัญหาช่องว่างคุณภาพสถานศึกษาระหว่างชนบทและเมืองที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ นักเรียนในโรงเรียนเขตชนบทมีคะแนนต่ำกว่านักเรียนในโรงเรียนเขตเมืองถึง 3 ปีการศึกษา สาเหตุเกิดจากการพัฒนาคุณภาพการศึกษาพุ่งเป้าแต่โรงเรียนเขตเมือง การกระจายงบประมาณไม่สอดคล้องกับภาระของโรงเรียน และการประเมินที่ไม่สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียนที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่ยากลำบาก หากต้องการคลี่คลายปัญหานี้ การพัฒนาคุณภาพโรงเรียนในพื้นที่ยากลำบากจึงเป็นข้อจำเป็นมากที่สุด

“ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงเรียนที่มีศักยภาพเป้าหมายคุณภาพ Q-Goal พัฒนาให้เป็นศูนย์กลางแหล่งเรียนรู้ในระดับตำบลจำนวน 4,514 แห่ง สกว. และ สสค. จึงพัฒนาโครงการวิจัยปฏิบัติการโรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง (Development and Action Research) เพื่อค้นหามาตรการที่มีประสิทธิภาพ (Effective Interventions) ในการพัฒนาโรงเรียน โดยมีเป้าหมายนำร่องในโรงเรียนขนาดกลางที่มีจำนวนนักเรียนประมาณ 200-500 คน ในพื้นที่ดำเนินงาน 14 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน ลำปาง สุโขทัย อำนาจเจริญ สุรินทร์ เพชรบุรี กาญจนบุรี ชลบุรี อยุธยา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต จังหวัดละ 10-15 โรงเรียน ระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี”

Advertisement
นคร ตังคะพิภพ-พิทยา บุญคง -นพ.สุภกร บัวสาย
นคร ตังคะพิภพ-พิทยา บุญคง -นพ.สุภกร บัวสาย

นคร ตังคะพิภพ หัวหน้า Q-Coach โครงการวิจัยและปฏิบัติการโรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง ได้กล่าวถึงเป้าหมายหลักของโรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่องว่า โรงเรียนจะพัฒนาตนเองตามบริบทของโรงเรียนโดยมีเป้าหมายร่วมคือ “โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีความสุข” ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทุกคนจะเติบโตในเชิงวิชาชีพสูงขึ้น และเป็นมืออาชีพมากขึ้น เป็นที่ยอมรับ นักเรียนเข้าถึงโอกาสทางการเรียนรู้ที่สร้างคุณภาพตามศักยภาพ

“โครงการนี้มีมาตรการช่วยสนับสนุนให้โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการก้าวสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนใน 5 ด้าน ได้แก่ 1.Q-Coach ทีมเพื่อนร่วมทางช่วยจุดประกาย เปิดประเด็น ริเริ่มการจัดกระบวนการช่วยเหลือ 2.Q-PLCs เสริมสร้างชุมชนครูที่เข้มแข็ง นำประเด็นพัฒนาไปสู่การเรียนการสอนนักเรียน 3.Q-Info ป้อนข้อมูลแก่ผู้บริหาร ทีมทำงานของโรงเรียนสำรวจสถานะนักเรียน และเกิดระบบจัดการข้อมูลสารสนเทศ ลดภาระธุรการ 4.Q-Goal เป้ากระตุ้นการมีส่วนร่วมของบุคลากรและชุมชน ตรงตามประเด็นเป้าหมายคุณภาพ Q-Goal แต่ละภาคเรียน และ 5.Q-Network เครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามโรงเรียน เรียนรู้จากเพื่อนที่ Q-Goal ก้าวหน้าไปแล้ว”

ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่ประสบความสำเร็จในการนำ โครงการพัฒนาระบบกลไกและแนวทางการหนุนเสริมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาผู้เรียน (Professional Learning Community)” หรือ PLC ภายใต้ “โครงการพัฒนาครูโดยใช้พื้นที่เป็นฐานจังหวัดสุราษฎร์ธานี” ไปใช้เพื่อพัฒนาครูและสร้างคุณภาพการเรียนรู้อย่างมีความสุขให้เกิดขึ้นในสถานศึกษา

Advertisement

“PLC เป็นแนวคิดในการที่จะพัฒนาโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ไม่ได้เชิญวิทยากรมานั่งบรรยาย หรือเชิญครูที่ขาดแคลนในแต่ละชั้นเรียนอยู่แล้วออกไปอบรมที่โรงแรมเหมือนกับที่ผ่านๆ มา PLC เป็นการสร้างชุมชนในโรงเรียน ใช้โรงเรียนเป็นฐาน ใช้ครูจับคู่กันทำงานเพื่อหาจุดบกพร่องของการจัดการเรียนการสอนและหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน สร้างให้เกิดกระบวนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างเพื่อนครู โดยมีผู้รู้และนักวิชาการจากภายนอกช่วยให้คำแนะนำ มีเป้าหมายร่วมกันคือการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของตัวครูและตัวผู้เรียน เพราะแต่ละโรงเรียนจะมีปัญหาที่แตกต่างกัน ซึ่งกระบวนการนี้จะสามารถสร้างนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอนได้หลากหลาย” ชัยวัฒน์ แก้วบัวทอง ประธานโครงการพัฒนาครูโดยใช้พื้นที่เป็นฐานฯ กล่าว

นักเรียน ประถม เด็ก โรงเรียน ศึกษา

“โรงเรียนบ้านห้วยด่าน” อำเภอกาญจนดิษฐ์ เป็นสถานศึกษาที่นำกระบวนการ PLC เข้าไปใช้แก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของเด็กนักเรียนมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2558 จนประสบความสำเร็จ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าปัญหาต่างๆ ในสถานศึกษานั้นสามารถเริ่มต้นได้ที่โรงเรียน อาศัยพลังความร่วมมือร่วมใจของคณะครูและผู้บริหาร โดยไม่จำเป็นต้องรองบประมาณและการสนับสนุนช่วยเหลือจากต้นสังกัด

“โรงเรียนเปิดสอนถึง ป.6 มีนักเรียน 167 คน เด็กของเราอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ แถมยังไม่มีครูเอกภาษาไทยโดยตรง แต่เมื่อนำกระบวนการ PLC เข้ามาใช้ ก็ทำให้เกิดเป็นนวัตกรรม 4 ฐานเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหา จนทำให้ผลการประเมินโอเน็ตวิชาภาษาไทยเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมและยังส่งผลให้ค่าเฉลี่ยในวิชาอื่นๆ สูงขึ้นตามไปด้วย ครูผู้สอนจากเดิมที่ต่างคนต่างสอนก็หันมาทำงานเป็นเครือข่าย เด็กๆ มีความกระตือรือร้น มีความสุขในการเรียนและอยากจะเข้ามาเรียนรู้ในฐานการเรียนรู้ต่างๆ วันนี้จึงอยากจะบอกว่า PLC เป็นกระบวนการพัฒนาครูที่จะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของเด็ก ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำได้ง่าย และเห็นผลอย่างยั่งยืน” พิทยา บุญคง หัวหน้าคณะทำงาน PLC ร.ร.บ้านห้วยด่านระบุ

การนำโครงการโรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง (SQIP) มาใช้ในการยกระดับมาตรฐานการเรียนรู้และคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษาเพื่อสร้างการเรียนรู้อย่างมีความสุข จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ประสบความสำเร็จ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image