แม่ร้องสื่อลูกสาววัย 17 โดนหนุ่มสินเชื่อ ลวงข่มขืนที่ออฟฟิศแถมขู่ฆ่า พอตกลงค่าเสียหายถึงวันจ่ายกลับเบี้ยว

แม่ร้องสื่อ ลูกสาววัย 17 ปี ถูกหนุ่มบริษัทสินเชื่อ ลวงไปข่มขืนในออฟฟิศ ที่สีคิ้ว โคราช พร้อมขู่ฆ่า ผู้ปกครองฝ่ายชายตกลงจะจ่ายชดใช้ค่าเสียหาย 2 แสน แต่เบี้ยวปิดโทรศัพท์หนี แม่หญิงสาวเตรียมแจ้งความดำเนินคดีถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับการร้องเรียนจากนางอ้อม (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในบ้านน้ำเมา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาว่า น.ส.เอ (นามสมมติ) ลูกสาววัย 17 ปี ของตน ถูกนายอดิศักดิ์ โพธิ์จักร อายุ 28 ปี ชาวอ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ หนุ่มบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่งลวงไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและล่วงละเมิดทางเพศภายในบริษัท ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมถนนมิตรภาพ ต.โนนทอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 2560 ซึ่งภายหลังเกิดเหตุลูกสาววัย 17 ปี ยังถูกขู่ว่าไม่ให้ไปบอกใคร หากไปบอกจะฆ่าให้ตาย จนกระทั่งผ่านไป 1 สัปดาห์ ตนเห็นลูกสาวมีอาการซึมเศร้า ไม่ยอมไปโรงเรียน จึงได้เค้นหาความจริงจนทราบเรื่องราวทั้งหมด เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ตนได้ติดต่อไปยังผู้ปกครองฝ่ายชายให้มาเจรจาที่จะชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท โดยวางเงินมัดจำไว้ให้ก่อน 50,000 บาท และทำสัญญาว่าจะจ่ายที่เหลืออีก 150,000 บาท ให้ครบภายในวันที่ 15 มี.ค. แต่จนขณะนี้ครอบครัวของฝ่ายชายยังไม่ติดต่อมา และทราบว่านายอดิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ได้ย้ายไปทำงานที่สาขาอื่นแล้ว จึงได้ร้องเรียนสื่อมวลชนขอความเป็นธรรมในครั้งนี้

ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเช่าหอพักอยู่กับครอบครัว 3 คน คือตน แม่ และน้องสาว ต่อมาเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม  มารดาได้ไปทำเรื่องขอกู้เงินจำนวน 30,000 บาท กับบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่งเพื่อมาหมุนเวียนทำธุรกิจตัดไม้ยูคาลิปตัส อยู่ที่ จ.สระบุรี โดยมีตนเดินทางไปด้วย ซึ่งนายอดิศักดิ์ เป็นพนักงานดำเนินเรื่องให้ แต่เนื่องจากมารดาของตนเองต้องเดินทางไป จ.สระบุรี โดยไปเช้ากลับค่ำทุกวัน จึงได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้ให้นายอดิศักดิ์ หลังจากนั้นนายอดิศักดิ์ ก็ได้โทรศัพท์มาพูดคุยในลักษณะจีบตลอดทุกวัน กระทั่งวันที่ 21 ก.พ. เวลา 17.00 น. นายอดิศักดิ์ ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์แวะมาหาที่หอพัก พร้อมกับชวนตนเองซ้อนท้ายไปซื้อกับข้าวที่ตลาดในตัวเมืองสีคิ้ว ซึ่งขณะนั้นด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอหลังจากกลับจากซื้อกับข้าวแล้ว นายอดิศักดิ์ก็ทำทีว่าลืมของไว้ในออฟฟิศ ขอเข้าไปเอาของในออฟฟิศก่อน เมื่อไปถึงก็ให้ตนเข้าไปด้วย จากนั้นก็ได้เดินไปล็อคประตูเหล็กม้วนและประตูกระจกอีกชั้น ขณะเดียวกันตนก็สังเกตเห็นว่ากล้องวงจรปิดในออฟฟิชศถูกเสื้อคลุมไว้ทุกตัว จึงพยายามจะวิ่งหนีออกมา แต่ก็ถูกนายอดิศักดิ์ใช้กำลังปลุกปล้ำจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง หลังจากนั้นก็ได้ขู่กับตนว่า ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร หากไปบอกจะตามไปฆ่าให้ตาย ก่อนที่จะนำตนเองมาส่งที่หอพักตอนประมาณ 20.00 น. โดยหลังจากที่เกิดเหตุนายอดิศักดิ์ก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกกลัวมาก กลัวว่าจะท้อง และกลัวจะถูกฆ่า จึงได้แต่ซึมเศร้าแอบร้องไห้อยู่คนเดียว ไม่กล้าบอกให้มารดาทราบ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ จึงถูกมารดาเค้นถามจนต้องเล่าเรื่องราวให้ทราบทั้งหมด น.ส.เตย กล่าว

ขณะที่นางอ้อม (นามสมมติ) มารดา กล่าวว่า ตนเป็นเสาหลักของครอบครัว หลังจากสามีเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน โดยต้องเลี้ยงดูลูกสาว 2 คนด้วยการประกอบอาชีพรับเหมาตัดต้นยูคาลิปตัสขายอยู่ที่ จ.สระบุรี ซึ่งต้องเดินทางไปกลับเช้าเย็นทุกวัน ซึ่ง น.ส.เอ (นามสมมติ) กำลังเรียนอยู่ระดับมัธยมปลาย ในศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ก.ศ.น.) อำเภอสีคิ้ว ด้วยความที่ตนมีลูกสาวทั้งคู่จึงพยายามดูแลอย่างดี เพราะทราบดีว่าทุกวันนี้สังคมมีอันตรายอยู่รอบข้าง แต่หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ตนก็ได้สังเกตเห็นว่าลูกสาวคนโตของตนเองมีอาการซึมเศร้า ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งไม่ยอมออกจากไป และไม่ยอมไปโรงเรียนเลย ตนจึงได้พยายามเค้นถามจนลูกสาวยอมเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งครั้งแรกที่รู้เรื่องตนถึงกับเป็นลมล้มทั้งยืน ไม่นึกว่าเรื่องร้ายๆ จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเอง จึงได้พยายามติดต่อไปที่บริษัทสินเชื่อ ที่นายอดิศักดิ์ทำงานอยู่ และได้ติดต่อไปที่ผู้ปกครองของนายอดิศักดิ์ ซึ่งอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อเตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดี แต่ฝ่ายผู้ปกครองของนายอดิศักดิ์ ขอร้องว่าอย่าแจ้งความ เพราะกลัวว่าลูกชายของตนเองจะถูกตำรวจจับดำเนินคดีจนเสียอนาคต เนื่องจาก น.ส.เอ (นามสมมติ) มีอายุยังไม่ถึง 18 ปี ซึ่งยังเป็นเยาวชนอยู่และเป็นข้อหาหนัก ดังนั้นตนจึงให้โอกาสในการเจรจา จนผู้ปกครองฝ่ายชายยอมทำข้อตกลงที่จะจ่ายเงินเยียวยาค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท โดยได้วางมัดจำไว้ก่อนจำนวน 50,000 บาท และส่วนที่เหลืออีก 150,000 บาท จะนำมาจ่ายให้ครบทั้งหมดภายในวันที่ 15 มีนาคม 2560 นี้ แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ครอบครัวฝ่ายชาย ก็ยังไม่ติดต่อมาอีก ครั้งโทรศัพท์ไปทวงถาม ก็ปิดโทรศัพท์หนีทั้งหมด ดังนั้นตนจึงคิดว่าทางฝ่ายชายจะเบี้ยวชดใช้ค่าเสียหาย จึงได้ร้องสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม และขอให้ช่วยตีแผ่เรื่องนี้ให้สังคมทราบ

Advertisement

นางอ้อม (นามสมมติ) กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ไป ตนก็จะไม่ให้โอกาสฝ่ายชายผู้ก่อเหตุอีกแล้ว โดยเตรียมที่จะรวบรวมพยานและหลักฐาน เพื่อเข้าไปแจ้งความที่ สภ.สีคิ้ว เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอดิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุข่มขืนลูกสาวของตนให้ถึงที่สุดต่อไป

แม่ร้องสื่อลูกโดนข่มขืน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image