เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ห้องปริ๊นซ์บอลรูม 2-3 โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) จัดโครงการสัมมนากรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมทั่วประเทศ มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและมอบนโยบายการจัดสวัสดิการสังคมกล่าวว่า วันนี้เป็นการสัมมนาร่วมกันระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมทั่วประเทศ ทั้งระดับชาติ ระดับจังหวัด กรุงเทพมหานคร องค์กรสาธารณประโยชน์ และองค์การสวัสดิการสังคม เพื่อพิจารณาร่างยุทธศาสตร์สวัสดิการสังคมไทยฉบับที่ 3 (พ.ศ.2560-2564) และระดมความคิดเห็นเรื่องการจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับแผนยุทธศาสตร์สวัสดิการสังคมไทย ฉบับที่ 3 เนื่องจากสวัสดิการทางสังคมเป็นเรื่องที่ทุกรัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งบางเรื่องรัฐบาลอื่นยังทำไม่ได้ แต่ในช่วงของรัฐบาลนี้ได้ทำหลายเรื่อง ถ้าไม่เตรียมสังคมให้พร้อมและไม่เตรียมเด็กให้ดี สังคมในอีก 20 ปีข้างหน้าอาจวิกฤตได้
“ทาง พม.จึงมีโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้กับครอบครัวผู้ยากไร้ ซึ่งในปีงบประมาณนี้จะมีการขอเพิ่มวงเงินจาก 400 บาทต่อคนต่อเดือน เป็น 600 บาทต่อคนต่อเดือน รวมถึงการขอขยายระยะเวลาให้เป็นโครงการต่อเนื่อง และขยายการให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ขวบ จากเดิมที่ให้ถึงอายุ 1 ขวบ เพราะจากการศึกษาเรื่องการอุดหนุนเงินให้เด็กในช่วงแรกเกิดจะได้ผลดี หากเราสามารถเลี้ยงดูเด็กเหล่านี้ให้มีคุณภาพที่ดีจนถึงวัย 3 ปี นอกจากนี้ ยังมีโครงการเบี้ยคนพิการที่รัฐบาลได้เพิ่มเงินค่าเลี้ยงดูจากเดิม 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็น 800 บาทต่อคนต่อเดือน รวมถึงการแก้หลักเกณฑ์ให้คนพิการที่ลงทะเบียนทำบัตรคนพิการสามารถรับเบี้ยคนพิการได้ทันที ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบอนุมัติแล้ว” พลเรือเอกณรงค์กล่าว
พลเรือเอกณรงค์กล่าวอีกว่า การส่งเสริมสวัสดิการสังคมเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการอีกหลายด้าน ทั้งการศึกษา ที่อยู่อาศัย สาธารณสุข และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติที่ตนเป็นประธาน จะมีการนำปัญหาต่างๆ ที่ทางจังหวัดหรือชุมชนเสนอมาพิจารณา โดยเฉพาะปัญหาในภาพรวมของประเทศ เพื่อหาแนวทางการแก้ไข แล้วนำเสนอต่อรัฐบาลและครม.ต่อไป
