วันที่ 21 มีนาคม เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ 33 องค์กรเครือข่าย นำโดยนางวิไลลักษณ์ เยอเบอะ เปิดแถลงข่าวและออกแถลงการณ์กรณีทหารวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ป่าแส อายุ 21 ปี นักกิจกรรมทางสังคม และประธานเครือข่ายเยาวชนต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมือง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยทหารสังกัดกองร้อยทหารม้าที่ 2 บก.ควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจทหารม้าที่ 5 ที่ตั้งจุดตรวจค้นยาเสพติดบริเวณด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และจับกุมนายพงศนัย แสงตะล้า อายุ 19 ปี พร้อมยาบ้าจำนวน 2,800 เม็ดนั้น
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความอาลัยและสะเทือนใจแก่เพื่อนนักกิจกรรมทางสังคม เครือข่ายเด็กและเยาวชน ภาคีหน่วยงานรัฐและองค์กรที่ทำงานปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากนายชัยภูมิเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่ชอบความรุนแรง เป็นเยาวชนที่มีความเสียสละ ทุ่มเทเวลาส่วนตัวในการทำกิจกรรมเพื่อชุมชน เพื่อเด็กไร้สัญชาติได้มีโอกาสในสังคม ความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของตัวเองจึงได้กลายเป็นแกนนำเยาวชน ทั้งในการเรียนยังเป็นนักเรียนที่เรียนดี ได้อันดับที่ 2 ในชั้นเรียนและยังเป็นนักกิจกรรมที่ออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิและสถานะให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมไทย รวมทั้งยังเป็นศิลปินชาวลาหู่ (นักดนตรีและแต่งเพลงที่ช่วยสะท้อนปัญหาเด็กไร้สัญชาติจนเป็นที่ยอมรับ) ชัยภูมิมีนิสัยที่อ่อนโยน รักเพื่อน พี่น้อง ชอบออกค่ายอาสา และมีผลงานในการทำหนังสั้นส่งประกวดและถูกเผยแพร่ทางสื่อสาธารณะมากมาย นับได้ว่าเป็นเยาวชนที่เป็นแบบอย่างของชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความเสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ทหารได้วิสามัญฯนายชัยภูมิซึ่งยังเป็นเยาวชนนั้น ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่กระทำเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะประเทศไทยมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 เป็นต้น ซึ่งได้กำหนดมาตรการต่างๆ ที่สำคัญเพื่อคุ้มครองเด็กทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ ชื่อเสียง หรือสิทธิประโยชน์อื่นของเด็ก เช่น ห้ามบุคคลใดกระทําการอันเป็นการทารุณกรรมเด็ก และกําหนดให้มีการปกป้องคุ้มครองเด็กไทยทั้งหมด ไม่ว่าพวกเขาจะมีสถานะทางเศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย มีชาติพันธุ์ หรือนับถือศาสนาใด และในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยได้ลงนามรับรองไว้ ยังได้เน้นย้ำว่า “จะไม่มีเด็กคนใดได้รับการทรมาน หรือถูกปฏิบัติ หรือลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือต่ำช้า จะไม่มีการลงโทษประหารชีวิต หรือจําคุกตลอดชีวิตที่ไม่มีโอกาสจะได้รับการปล่อยตัว”
เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) เป็นเครือข่ายที่ทำงานด้านการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน วิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมือง และภาคีองค์กรและเครือข่ายที่ทำงานเพื่อความเป็นธรรมในสังคมไทย ขอแถลงท่าทีและเรียกร้องดังต่อไปนี้ คือ 1.เราขอประณามการกระทำเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้วิสามัญฯนายชัยภูมิถือเป็นการกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม 2.เราขอเรียกร้องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะ “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ” ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายชัยภูมิถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฯในครั้งนี้โดยเร่งด่วน และ 3.ขอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนมีมาตรการและกลไกในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ และคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตและญาติผู้ตายและเพื่อนผู้ตายที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในขณะนี้อย่างเร่งด่วน
คชท.ร่วมกับภาคีองค์กรและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจะได้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตรวจสอบ ตามข้อเรียกร้องข้างต้น และยินดีสนับสนุนการปฏิบัติการที่ดีของบุคคลและหน่วยงานทุกภาคส่วน เชื่อมั่นในคุณงามความดีของนายชัยภูมิ ป่าแส และกระบวนการยุติธรรม